7/07/2553

วิจัยพบ!!! ไม้เรียวทำ ปัญญาเสื่อม

นักวิจัยมหาวิทยาลัยนิว แฮมป์เชียร์ของสหรัฐฯ กล่าวเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายว่า

การลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีเด็กจะทำให้เด็กสมองเฉื่อย ล้าหลังกว่าเพื่อนที่ไม่ถูกลงโทษแบบนั้น

รายงานผลการวิจัยเสนอต่อที่ประชุมนักการศึกษาอเมริกา กล่าวว่า "พ่อแม่ทุกคนล้วนแต่ต้องการลูกที่เฉลียวฉลาด จึงไม่ควรใช้วิธีลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี หากแต่ควรอบรมบ่มนิสัยวิธีอื่น" ศาสตราจารย์เมอเรย์ สเตราส์ หัวหน้านักวิจัยกล่าวเสริมว่า "ผลการวิจัยจะมีผลเกี่ยวพันอย่างสำคัญกับสวัสดิภาพของ เด็กทั่วทั้งโลก ถึงเวลาแล้วที่นักจิตวิทยาจะตระหนักถึงความจำเป็นที่ จะต้องช่วยพ่อแม่ต่างๆให้เลิกลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี และหาวิธีสั่งสอนอย่างอื่นแทน"

อาจารย์เมอเรย์แจ้งว่า จากการศึกษาเด็กในอเมริกาที่ถูกพ่อแม่เฆี่ยนตี ปรากฏว่ามีระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าเพื่อนที่ไม่ถูกพ่ อแม่ลงโทษเช่นนั้นถึง 4 ปี เช่น เด็กวัยระหว่าง 2-4 ขวบที่ถูกเฆี่ยนตี จะมีระดับเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าเพื่อนที่ไม่โดนไม้เรียว ถึง 5 คะแนน

7/04/2553

10เหตุการที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง

เหตุการณ์ ที่1 เครื่องบินสีทอง
จากจำนวนวัตถุลึกลับเกี่ยวกับจานบิน ชิ้นนี้ดังที่สุด ซึ่งถูกพบในโคลัมเบีย อเมริกาใต้ มีอายุมากกว่า 1000 ปี มีลักษณะเหมือนเครื่องบินเจ็ทปีกเป็นรูปสามเหลี่ยมขอ งยุคปัจจุบัน มีที่นั่งนักบินอยู่ตรงส่วนหัวและมีหางเหมือนเครื่อง บินปัจจุบันด้วย ซึงแน่นอนชาวพื้นเมืองในโคลัมเบียคงไม่สามารถสร้างเค รื่องบินนี้แน่ โดยเฉพาะเมื่อ 1000 ปีก่อน
อาจเป็นไปได้ว่ามนุษย์ต่างดาวได้เดินทางมาถึงอเมริกา ใต้ ในยานอวกาศใต้ ในยานอวกาศที่มีรูปร่างเหมือนเครื่องบินเจ็ทตั้งแต่เ มื่อ 1000 ปีมาแล้ว และคงสร้างยานลำนี้ไว้เป็นที่ระลึก
เหตุการณ์ที่2 เด็กเขียว
ในเดือนสิงหาคม 1887 ในสเปน มีเด็กสองคน ซึ่งมีผัวหนังสีเขียวเป็นมันวาว และมีดวงตารีเฉียง เดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง เด็กสองคนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัตถุประหลาด และพูดภาษาประหลาดที่ผู้วชาญภาษาจากบาร์เซโลนาไม่เข้ าใจ และไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นภาษาอะไร เด็กชายที่เป็นผู้ชายตายก่อน ส่วนเด็กผู้หญิงยังอยู่ต่อมาและหัดพูดภาษาสเปนได้จนค ล่องเธอเล่าว่าเธอถูกนำ มาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่ยามสนธยามีพระอาทิตย์ข ึ้น และถูกหอบมาทิ้งไว้ที่ถ้ำนั่น
ดินแดนที่ว่านั้น เป็นดินแดนของดาวอีกดวงหนึ่งใช่หรือไม่ หรือว่าพวกเธอถูกส่งตัวมายังโลกด้วย ยาวอวกาศหรือเปล่า หรืออาจมาจากมิติที่สี่ก็เป็นได้
เหตุการณ์ที่ 3 การระเบิดที่ไซบีเรีย
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1908 มีการระเบิดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นที่ไซบีเรีย เป็นแรงระเบิดที่รุนแรงกว่าฮิโรชิม่าถึง 10 เท่าดังไปค่อนโลก มีบางคนบอกว่า ตนเองได้เห็นแสงไฟและเห็นควันรูปเห็ด อย่างไรก็ตามผลสุดท้ายสาเหตุการระเบิด ไม่มีใครทราบแน่ชัด
ในปี 1927 นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียต ได้ออกทำการสำรวจและพบบริเวณที่เกิดการระเบิดนั้น ซึ่งกินบริเวณกว้างขวางถึง 800 ตารางไมค์ จากการลงความเห็นของผู้วชาญ แรงระเบิดนั้น ไม่ใช้เพราะอุกาบาตรแน่ มีบางคนบอกว่ามันอาจเป็นดาวหาง อาจเป็นเสี่ยวหนึ่งของหลุมดำ หรืออาจเป็นแสงเลเซอร์จากดวงดาวอื่นก็ได้
อเล็กซานเดอร์ คาซานท์เซฟ วิศวกรด้านอาวุธของรัสเซียลงความเห็นว่า มันเป็นพวกยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ซึ่งขณะบินทำการสำรวจโลก ตกลงมา และเกิดระเบิดขึ้น
เหตุการณ์ ที่ 3 สัญญาณวิทยุจากมนุษย์ต่างดาว
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 นักดาราศาสตร์โครงการ ซีคลอปส์ (Cyclops) ได้รับสัญญาณที่ซับซ้อนกว่าเสียงสะท้อนใดๆ ในโลกนี้ มันเป็นโทนเสียงขึ้นๆ ลงๆ ผสมผสานกันอย่างซับซ้อน พร้อมโครงสร้างจังหวะ รวมไปถึงเสียงที่ไม่เคยมีมนุษย์ได้ยินมาก่อนรวมอยู่ด ้สน ซึ่งสัญญาณนี้ระบุว่ามาจากดาวออฟิยูซิ ซึ่งอยู่ห่างจากโลกราว 17 ปีแสง ทำให้เชื่อกันว่าเป็นสัญญาณวิทยุจากมนุษย์ต่างดาวซึ่ งมีอารยธรรมสูงกว่าเรา
เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อมนุษย์ต่างดาวเป็นฆาตกร
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2491 รัฐเคนตักกี้ อเมริกา เรืออากาศเอก โธมัส แมนเทลล์ จูเนียร์ ได้ขับเครื่องบินซี 118 แถวน่านฟ้าของเมืองแมรีส์วิลล์ เพื่อไปตรวจสอบการพบเห็น UFO ส่องแสงขนาดใหญ่ และเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และเงียบเชียบข้ามท้องฟ้า ซึ่งทางฐานทัพก็จับสัญญามันได้เช่นกัน
แมนเทลล์ขับแล้วไปเจอ UFO ลำนั้นทันที เขารายงานวัตถุนั้นต่อศูนย์เป็นระยะในการติดตาม “พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์ มันอยู่เหนือผมพอดี และมันใหญ่โตมโหฬารมาก มันดูเหมือนโลกหะรูปกลมใหญ่มาก ผมกำลังพยายามไปให้ถึงมัน มันกำลังบินสูง มันเริ่มบินสูง.... พระเจ้า! มันน่ามหัศจรรย์มาก! มันเริ่มร้อน มันร้อน ร้อนมากทีเดียว ผมทำไม่...”จากนั้นสัญญาณก็ถูกตัด
เวลาต่อมา มีการพบซากเครื่องบนและศพของเรืออากาศเอกแมนเทลล์ มีรายงานว่าซากเครื่องบินมีรูและรอยขีดข่วงจากความร้ อนสูง เหมือนกับว่าเครื่องบินถูกทำลายจากรังสีบางอย่าง
ปัจจุบันการตายของแมนเทลล์ยังเป็นปริศนาต่อไป ว่าสิ่งที่เขาพบนั้นคือ UFO จริงหรือไม่?
เหตุการณ์ ที่ 5 แอเรีย 51 (Area 51)
พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรั ฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้า และอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ปี 1958 เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุดเพราะเป็นเขตหวงห้ามไม่ให ้คนนอกเข้าและมีการ รักษาความปลอดภัยสูงสุด แม้ทางการสหรัฐจะบอกว่าพื้นที่นี้เป็นเพียงสถานที่ทด สอบอาวุธหรือเครื่องบิน รบใหม่ของสหรัฐ แต่มีหลายคนบอกว่าอาจเป็นฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวหรือ ไม่ก็สถานที่ติดต่อกับ มนุษย์ต่างดาว นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO (Unidentified Flying Object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้ง จนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 นั้นต้องมีอะไรมากกว่าสถานที่ซ้อมรบเครื่องบินรบ แน่นอน
เหตุการณ์ที่ 6 จานบินตกที่รอสเวลล์
ในปี ค.ศ.1948 เมืองรอสเวลล์ เกิดเหตุการณ์วัตถุบินลึกลับตกในพื้นที่ทะเลทรายของช าวเมืองนาม แม็ค บราเซิล วัตถุชิ้นตกตกและชิ้นส่วนตกกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง ไม่นานหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงและเก็บวั ตถุในพื้นที่ที่เกิด เหตุจนหมด ซึ่งผลจากการตรวจสอบตอนแรกบอกว่าวัตถุที่ตกลงมานั้นเ ป็นวัตถุที่ไม่เคยมี อยู่ในโลก และแต่ละชิ้นโลหะมีคุณสมบัติแปลกประหลาด แต่ถึงอย่างไรเพราะอะไรไม่ทราบสาเหตุภายหลังทางการดั นกลับคำให้การบอกว่า วัตถุที่ตกลงมาเมืองรอสเวลล์นั้นคือหรือบอลลูนตรวจสภ าพอากาศ?
ทำไมต้องกลับคำผลการตรวจสอบ?? แล้ววัตถุบินลึกลับนั้นเป็นจานบินหรือไม่? ไม่มีใครทราบได้ แม้ว่าเหตุการณ์จะล่วงเลยมานานหลายสิบปีแล้วก็ตามแต่ หลายๆ ฝ่ายยังหวังว่าทางการสหรัฐจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกั บเรื่องนี้
เหตุการณ์ที่ 7 การลักพาตัวเบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ (betty and Barney Hill)
นี้คือการลักพาตัวที่โด่งดังที่สุดและเป็นครั้งแรกที ่มนุษย์ต่างดาวลักพาตัว คนในโลก


19 กันยายน 1961 ขณะที่เบตตี้และบาร์นีย์ ฮิลลส์ สองสามีภรรยาขับรถผ่านแดนทะเลทรายของรัฐนิวแฮมเชียร์ จู่ๆ ก็มีจานบินแล่นขวางหน้า และบังคับให้สองสามีภรรยาคู่นี้หยุดรอ
สิ่งมีชีวิตในยานนั้นมีอยู่ 5 คน(ตัว) สูง 5 ฟุต ตาโต ไม่มีจมูก และผิวหนังสีเทา เมื่อคนพวกนี้มาใกล้ สองสามีภรรยาก็รู้สึกเหมือนสะกดจิต ทั้งคู่ถูกนำตัวเข้าไปในยานและถูกตรวจสอบทางกายภาพ มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นสอบถามสองสามีภรรยาโดยใช้พลัง จิต แต่เมื่อเขาพูดกันเองก็พูดด้วยภาษาแปลกประหลาด
จากนั้นสองสามีก็ถูกลบความทรงจำ และถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งภายหลังสองสามีภรรยาคู่นี้ถูกสะกดจิต ทั้งคู่ก็เล่าเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด จนเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมาก จนต้องออกโทรทัศน์รายการพิเศษในปี 1975
เหตุการณ์ที่ 8 การชำแหละวัวในท้องทุ่ง (Cattle Mutilations)
9 มิถุนายน 2005 ได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดวัวตายอย่างลึกลับจำนวนมากใ นท้องทุ่งในประเทศสหรัฐ อเมริกาและบราซิลและแถบอื่นๆ ทั่วโลก
โดยการตายลึกลับนี้แทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ จะสามารถทำได้ เพราะแต่ละพื้นที่วัวถูกฆ่าจำนวนมากโดยทั้งหมดนั้นลง มือเสร็จเพียงคืนเดียว โดย ส่วนใหญ่ท้องของวัวเคราะห์ร้ายถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ รูปไข่ ด้วยเครื่องมือบางอย่างและถูกทำให้ไหม้แต่ไม่ใช้เลเซ อร์หรือมีด และไม่มีเลือดไหลออกมาอวัยวะบางส่วนเช่น อวัยวะเพศ ลูกตาและเต้านมโดยเฉพาะลำไส้มักหายไป แต่ไม่มีร่องรอยการดิ้นรนเพื่อหนีความตายของวัวหรือแ ม้กระทั่งรอยเท้าใน บริเวณที่มันตาย
มีการศึกษาเพื่อไขปริศนาปรากฏการณ์นี้มีมานานแล้ว ในขณะที่มนุษย์มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ทว่าก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไร
เหตุการณ์ที่ 9 วงกลมประหลาดบนทุ่งหญ้า (Crop Circles)
ในช่วงปี 1980 เกิดเหตุการณ์ประหลาดคือประจักษ์ต่อชาวโลก ใน 29 ประเทศ ทั่วโลก คือเกิดวงกลมประหลาด หรือสัญลักษณ์ประหลาดที่ทุ่งข้าวสาลี ข้าวบาเล่ห์ ข้าว และอื่นๆ
โดยจากรายงานการเกิด Crop Circles กว่า 10,000 ครั้ง
พบว่าในช่วงปลายปี 1980 นั้น Crop Circles ส่วนใหญ่รูปแบบจะออกมาในลักษณะเส้นตรงซึ่งจะออกมาคล้ ายๆกับสัญลักษณ์ แต่ภายหลังจากปี 1990 รูปแบบของ Crop Circles จะซับซ้อนมาก จนแทบไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือของมนุษย์จะทำได้ นอกเสียจากจะเป็นมนุษย์ต่างดาว แล้วหาเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง พวกเขาจะทำทำไม มันเป็นสัญญาบอกชาวโลกหรือ หรือว่าเป็นที่จอดยานบิน หรือว่าเป็นการเล่นสนุก??
เหตุการณ์ที่ 10 เทปวีดีโอผ่าตัดมนุษย์ต่างดาว
ในปี 1992 ผู้สร้างภาพยนต์เรย์ ซานติลี อ้างว่าได้ซื้อฟิล์มภาพยนต์ขนาด 16 มิลลิเมตร มีความยาวกว่า 91 นาที(ไม่เปิดเผยถึงราคาที่ซื้อมา) เป็นฟิล์มภาพยนต์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดซากมนุษย์ต่าง ดาวหลังเหตุการณ์การตก ที่รอสเวลส์โดยซื้อมาจากช่างภาพของกองทัพ(ไม่เปิดเผย ชื่อ)ที่ถูกมอบหมายให้ ทำการถ่ายภาพยนต์การผ่าศพมนุษย์ต่างดาวที่ Fort Worth, Texas เพื่อทำการถ่ายภาพยนต์
จนกระทั่งในปี 1995 ภาพยนต์ชุดนี้ได้ถูกนำมาออกแสดง และเครือข่ายทีวีของ FOX นำภาพยนต์ชุด นี้ออกอากาศในรายการ One-hour special ผลปรากฏว่ามีคนสนใจดูมากจนต้องมีการนำมาออกอากาศซ้ำอ ีกถึงสี่ครั้งหลังจาก นั้นทำให้มีการถ่ายถอดออกไปใน อังกฤษ , เยอรมัน , ฮอลล์แลนด์ , บราซิล และอิตาลี
ที่มาจาก:Google

อุปกรณ์ของนัก MOD

1.เจียจิ้ววว ตัวมอเตอร์แรงเต็มหนี่ยว ปรับความเร็ว 6 ระดับ พร้อมสายอ่อนหัวขัด+ตัด 1 ชุด ราคา 900 บาท



2.สว่านขนาดเล็ก หมุน ซ้าย ขวา พร้อมหัวเจาะ 1 ชุด ราคา 600 บาท
 
3.เลื่อยจิ๊กซอล พร้อมใบเลื่อย 1 ชุด ราคา 650 บาท
 
4.ลูกหนู ลูกหมู แล้วแต่จะเรียก พร้อมใบ 1 ชุด ราคา 1,300 บาท
 
5.ชุดใบโฮซอล 300 บาท -ใช้กับสว่านมือนะครับ
 
6.กาพ่นสีใหญ่ 550 บาท
 
7.กาพ่นสีเล็ก 350 บาท
 
8.ปากกาแอร์บัส 550 บาท
 
Credit:oatzila @Overclockzone

30 สิ่ง น่าทำ ตอนที่ยังมีชีวิต

1. ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นในแต่ละวัน
2. ไปเที่ยวที่ที่คุณไม่เคยไป กับคนที่คุณไม่เคยคิดจะลืม


3. ซื้อความสุข ด้วยรอยยิ้ม

4. คุยกับคนแปลกหน้า เพื่อหาเพื่อนใหม่
5. ช่วยคนอื่น เมื่อคุณสามารถช่วยได้

6. สังเกตสิ่งรอบๆตัว อาจพบความสุขเล็กๆ เข้ามาในชีวิต

7. อยู่เงียบๆ กับตัวเองวันละ 5 นาที... เพื่อคิด


8. ทุ่มตัวเองเต็มที่ กับการหาทางแก้ปัญหา ที่คุณกำลังเผชิญอยู่
9. คบคนที่มองโลกในแง่ดี

10. เข้าคอร์สเรียนเพิ่มเติม ในเรื่องที่คุณสนใจ


11. จัดเวลา นัดเจอ เพื่อนสนิท ในแต่ละเดือน ไป กิน เที่ยว เล่น


12. มองพระอาทิตย์ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง
13. ดูพระอาทิตย์ตกดิน สัปดาห์ละครั้ง


14. ปลูกผักเอง เอาไว้ทานเอง


15. ไปหาเพื่อน ที่ไม่ได้เจอกันมานานนับปี


16. หยุดตามกระแสสักนิด และทำตามแนวคิดที่เหมาะสำหรับตัวเอง
17. บอกตัวเองว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป


18. ค้นหา ประสบการณ์ดีๆ แปลกใหม่ ให้กับชีวิต


19. เลิกกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี และมีความสุขในสิ่งที่คุณมี


20. โรแมนติก ทำเซอร์ไพรซ์คนที่คุณรัก


21. หยุดเสียเวลา กับเรื่องหยุมหยิมที่ไม่จำเป็น


22. รับประทานอาหารให้ช้าลง ลิ้มรสความอร่อย


23. ขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการ เพราะคุณจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ หากไม่เอ่ยปาก


24. ถามคำถาม เมื่อสงสัย... ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากใจ
25. เล่นสนุกบ้าง ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว

26. ทำอะไรทีละอย่าง จะได้ทำออกมาได้ดี


27. ฝึกความพอเพียง – พอดี เมื่อมันเกิดขึ้นกับคุณ จะไม่มีใคร เอาไปจากคุณได้


28. รักษาสัญญา
29. ดูตลก ฟังเรื่องตลก และแบ่งปันกับคนอื่น


30. เปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ของคุณ กับงานศิลปะ เช่นดนตรี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ฯลฯ -


--------------------------------------------------------------------------------------------------------


เครดิต http://variety.teenee.com/foodforbrain/25729.html


เครื่องหมายสวัสดิกะ

เครื่องหมายสวัสดิกะ (สวัสติกะ) อันเป็นรูปกากบาทปลายหัก คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นแล้วก็นึกถึงพรรคนาซีและฮิตเลอร์ ซึ่งแท้จริงแล้วเครื่องหมายสวัสดิกะนี้ เป็นเครื่องหมายอันเป็นมงคลสูงยิ่ง ที่น้อยคนนักจะรู้จัก เป็นส่วนหนึ่งในเทพปกรณัมที่ควรศึกษ าและถูกบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน


สวัสดิกะ หรือ สวัสติกะ คือ เครื่องหมายแห่งพลวัตร การเคลื่อนไหว ความไม่หยุดนิ่ง ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นเครื่องหมายแห่งการหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต

เครื่องหมายสวัสดิกะ ได้ปรากฏในงานศิลปะมาหลายยุคสมัย โดยเฉพาะในสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาฮินดู ศาสนาเชน แม้แต่ศาสนาพุทธ หลายๆประเทศในแถบเอเชีย กรีก ยุโรป และอเมริกันพื้นเมือง จะใช้เครื่องหมายสวัสดิกะเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสาร โดยเฉพาะการใช้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและเทพเจ้า
ในภาพเขียนพระพิฆเนศ ของอินเดียส่วนใหญ่ จะมีเครื่องหมายสวัสดิกะ วาดไว้ให้อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพเขียนนั้นๆ เช่น กลางหน้าผาก บริเวณงวง ฝ่าพระหัตถ์ หรือปรากฏในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่บนพระวรกายของพระพิฆเณศ เช่น บนหนังสือ ฝาผนัง ที่ประทับนั่ง ฯลฯ เมื่อชาวฮินดูพบเห็นสัญลักษณ์สวัสติกะนี้ ก็จะให้ความเคารพ เฉกเช่นเดียวกับ เครื่องหมายโอม
ความหมายของสวัสดิกะในแรกเริ่มนั้น จะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ความอุดมสมบูรณ์ เป็นเครื่องหมายแทนตัวของเทพเจ้า แต่ภายหลังก็ถูกเปลี่ยนแนวคิดไปโดยสิ้นเชิง เมื่อมันกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพรรคนาซีในเยอรมนี ที่ก่อตั้งโดยฮิตเลอร์ ทำให้คนทั่วไปมองว่าเครื่องหมายนี้เป็นสัญลักษณ์ของเ ผด็จการ และนำไปสู่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความหมายของสวัสดิกะ ในประเทศอื่นๆ อีกด้วย
เครื่องหมายสวัสติกะของพรรคนาซี ( ซ้าย ) --- เครื่องหมายสวัสติกะขององค์พระพิฆเณศ ( ขวา )


ความแตกต่างของเครื่องหมายพรรคนาซี และเครื่องหมายพระพิฆเนศ

เครื่องหมายสวัสติกะของพรรคนาซี จะเอียง 45 องศา และไม่มีจุด


ส่วนเครื่องหมายสวัสติกะของพระพิฆเนศ จะตั้งตรง ไม่เอียง และมีจุด 4 จุดอยู่ระหว่างแขนทั้ง 4
สำหรับแขนที่หักออกนั้น จะหักไปทางซ้ายหรือขวา ก็แล้วแต่จิตรกรจะวาดขึ้น โดยส่วนใหญ่จะมีแขนหักชี้ไปทางขวา (ชี้ไปตามเข็มนาฬิกา
สัญลักษณ์สวัสติกะ ถือเป็นเครื่องหมายที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งของโลก มีมาไม่ต่ำกว่า 5 พันปี บางตำราจะให้ความหมายว่า 4 แฉกของสัญลักษณ์สวัสดิกะนั้นหมายถึงพระกรทั้ง 4 ของพระพิฆเนศ หรือหมายถึงคัมภีร์พระเวททั้ง 4 เล่ม ส่วนในตำราของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานก็ว่า 4 แฉกของสวัสดิกะนั้นหมายถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งนิยมใช้คู่กับเครื่องหมาย หยิน-หยาง ตลอดจนการเป็นตัวแทนของธรรมจักร และอีกมากมายหลายตำรา ที่กล่าวถึงสวัสดิกะในแง่ของเครื่องหมายอันเป็นมา
เครื่องหมายสวัสติกะ สามารถนำมาใช้แก้ฮวงจุ้ยได้ โดยการแขวนหรือประดับไว้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของที่พักอ าศัย เช่น ประตู ผนัง โต๊ะทำงาน ฯลฯ เพราะโบราณเชื่อว่าจะช่วยสลายพลังร้าย และทำให้ธาตุต่างๆในบ้านเรือนเกิดการหมุนเวียนอย่างส มดุล นำมาซึ่งความสวัสดิมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย


ฉะนั้น การประดับเครื่องหมายสวัสติกะไว้ในบ้านเรือน หรือบริษัทห้างร้าน ควบคู่กับเครื่องหมายโอมอันศักดิ์สิทธิ์ ย่อมจะนำมาซึ่งความโชคดี ความสำเร็จและชัยชนะต่อศัตรู

[PSU วัตต์แท้ และเทียม ต่างกันตรงไหน]

พอดีมีหลายท่านที่ถามมาว่า Powersupply วัตต์แท้ กับวัตต์เทียม ต่างกันยังไง ทำไมบางรุ่นวัตต์เท่ากัน แต่ราคาถึงได้ต่างกัน 4-5 เท่าตัว อะไร ที่มันดีกว่า อะไร ที่มันเหนือกว่า.... ผมพอมีคำตอบแบบคร่าวๆ ให้ท่านที่รู้ และไม่รู้ ได้อ่านกันเล่นๆ ครับ
PSU วัตต์แท้ ราคาแพงๆ กับวัตต์เทียม ราคาถูกๆ ต่างกันที่...
1 - พละกำลังในการจ่ายไฟ วัตต์แท้ จะจ่ายไฟแบบต่อเนื่อง (continuous) ได้เต็มตามสเปก และจ่ายช่วงสั้นๆ (Peak) ได้เกินสเปก... ตรงนี้สำคัญที่สุด เพราะ PSU วัตต์เทียมบางรุ่น คุยว่าจ่ายได้ 500 600 หรือ 700 (ส่วนมากชื่อรุ่นมักมีคำว่า Max, Extream, ฯลฯ) แต่เป็นการจ่ายในช่วงพีคซึ่งมันแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น แต่ช่วงต่อเนื่องกลับจ่ายจริงได้แค่ 400W ก็มี... เพราะฉนั้น เวลาเลือกซื้อให้ดูสติ๊กเกอร์ข้างตัวถัง ว่าวัตต์ที่จ่ายได้มันมีคำว่า Max หรือ continuous กันแน่...
2 - ความนิ่งของกระแสที่จ่าย ... ชิ้นส่วนหลักของคอมพิวเตอร์อย่าง MainBoard จะยอมให้มีการผิดพลาดของกระแสไฟที่จ่ายได้ประมาณ+- 5% ในขณะ Peak Load ... ซึ่ง PSU วัตต์แท้ ที่คงกระแสให้นิ่งได้ตลอดจะไม่เจอปัญหาตรงนี้แม้จะโห ลดหนักขนาดไหนก็ตาม... แต่ PSU วัตต์เทียมแม้จะมีพลังมาก (700W) แต่เจอเครื่องที่การ์ดจอใช้ไฟกระชากเยอะๆ เป็นบางช่วง (โดยเฉพาะพวกการ์ดคู่ หรือเซียนโอเวอร์คล๊อก) จะเจอปัญหาเครื่องดับ, รีสตาร์ท แม้เครื่องนั้นจะใช้ไฟไม่มากก็ตาม .... เพราะ PSU จ่ายกระแสไฟได้ไม่นิ่งและผิดพลาดเกินค่า -+ 5% นั่นเอง
3 - อัตตราการบริโภคไฟต่อไฟที่จ่ายได้ (power efficiency) PSU วัตต์แท้ จะมีค่า power efficiency ที่สูงมากใกล้เคียงกับ 1 และจ่ายไฟได้มากเมื่อเทียบกับไฟที่กินเข้าไป (ถ้าเกิน 80% จะได้ 80+) เพราะมีระบบ Active PFC ที่ดี ส่งผลให้ประหยัดไฟกว่า จ่ายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่า มีความร้อนน้อยกว่า (เพราะสูญเสียน้อย) ... แต่ PSU วัตต์เทียมแทบทุกรุ่น จะไม่มีการกล่าวถึงตรงนี้เลย...หรือเลวร้ายกว่า เพราะ PSU บางรุ่นแอบแปะโลโก้ 80+ ที่สติ๊กเกอร์ข้างตัวถังหรือที่กล่อง.. ทั้งๆที่ PSU ตัวนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย...
4 - วงจรป้องกันความผิดปรกติต่างๆ อย่างเช่น การป้องกันกระแสไฟเกิน กระแสไฟตก ไฟรั่ว ความร้อนสูงเกิน หรือไฟลัดวงจร... ของพวกนี้ PSU เกรดดีๆ มีมาให้ครบทั้งสิ้น แต่ PSU วัตต์เทียมหรือพวกวัตต์ละบาท บางรุนแปะข้างตัวถังว่ามี แต่พอรื้อออกมาแล้ว ไม่เจอวงจรพวกนี้เลยซักกะอันเดียวก็มี
5 - คุณภาพและมาตรฐานของชิ้นส่วนที่ใช้ PSU เกรดเยี่ยมๆ จะใช้วัสดุต่างๆที่ดี ไม่ว่าจะเป็นวงจรสวิทชิ่ง (แปลงไฟ) คาปาซิเตอร์ ไดโอต ฮีทซิ้งค์ พัดลม ฯลฯ และได้รับสัญลักษณ์แสดงมาตรฐานต่างๆ เป็นเครื่องการันตีว่าได้รับการทดสอบและผ่านมาตรฐานจ ากสถาบันต่างๆจริง ซึ่งโลโก้ต่างๆจะระบุรหัสเฉพาะของแต่ละโรงงานแต่ละรุ่นแตกต่างกัน ไม่มีเหมือนหรือซ้ำกัน...

...แต่ PSU วัตต์เทียมหลายๆรุ่น (โดยเฉพาะพวกติดเคส) มักจะ "ลักไก่" แปะโลโก้แสดงมาตรฐาน แต่กลับลงรายละเอียดซีเรียลต่างๆไม่ครบหรือไม่มีเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญลักษณ์ RU ที่จะระบุหรัสโรงงานผลิตและรุ่นที่ผลิตด้านล่างของโล โก้ พวกวัตต์เทียมจะมีแต่โลโก้ แต่ไม่มีรหัส .... ยิ่งเปรียบเทียบง่ายๆคือ "น้ำหนัก" ยิ่งเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

7/03/2553

10 อันดับบุคลลึกลับ!!!

กว่าศตวรรษที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยนิทานเรื่องลึกลับที่โลดเล่น ด้วยบุคคลลึกลับ ที่ไม่เคยระบุชาติกำเนิดว่าเขาเป็นใครกันแน่ เขามาแล้วก็จากไป โดยทิ้งปริศนาลึกลับ ซับซ้อนไว้มากมาย จนเป็นเสน่ห์เล่าขานจนไม่รู้จัก และต่อไปนี้คือ 10 อันดับ 10 บุคคลลึกลับปริศนาที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าเขาค์อใครกันแน่??

อันดับ 10 Monsieur Chouchani

นาย Chouchani (??-ตาย 1968)เป็นชื่อเล่นของอาจารย์ชาวยิว ที่ไม่มีใครรู้ชื่อจริงและชาติกำเนิดลึกลับ เป็นอาจารย์สอนนักเรียนระดับสูงของยุโรปหลังสงครามโล กครั้งที่สอง และลูกศิษย์ที่ได้รับคำสอนจากอาจารย์ท่านนี้ล้วนมีชี วิตและการงานที่ใหญ่โต ในอนาคต ที่ดังๆ ก็เช่น Emmanual Levinas(นักปรัชญา และนักการศึกษา ชาวฝรั่งเศสที่เกิดในประเทศรัสเซีย นับถือศาสนายิว) และ Elis Wiesel (เอลี วีเซล ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขา สันติภาพ ประจำปี 1986) หากแต่ชีวิตของอาจารย์ท่านนี้ลึกลับอย่างยิ่ง ทางการได้เก็บประวัติอาจารย์ท่านนี้ชนิดเรียกว่าลับส ุดยอด ทำให้หลายคนเรียกชื่ออาจารย์คนนี้หลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ “shushani” ซึ่งหมายความว่าคนจาก Shushan(เมือง หนึ่งแถวๆ ทางใต้ของจีน) หรือชื่อจริงจะเป็น Hillel Perlmann

สิ่งที่รู้เกี่ยวกับตัวนาย Chouchani คือเขาปรากฏตัวครั้งแรกที่ปารีสในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเป็นอาจารย์ในช่วง 1947 และปี 1952 มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากนั้นก็มีข่าวของเขาไปตามที่ต่างๆ ปั่นปลายสุดท้ายของเขาเลือกอาศัยอยู่ที่อุรุวัยก่อนเ สียชีวิตลงที่ 1968

แม้ไม่มีใครรู้ชาติกำเนิดของเขาและทำไมทางการถึงได้ป กปิดอย่างลับ สุดยอด แต่นาย Chouchani ได้ทิ้งหลักการมรดกทางปัญญาหลายๆ อย่างแก่ลูกศิษย์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และปรัชญา ซึ่งส่งผลต่อสาขาวิชาอื่นๆ ในเวลาต่อมา

อันดับ 9 The Poe Toaster

เอ็ด การ์ อัลเลน โป(วันที่ 19 ม.ค. 1809 -เสียชีวิต ต.ค. ปี 1849) เป็นนักเขียนสหรัฐฯ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งวรรณกรรมรหัสคดี (Mystery) จากเรื่องสั้น "คดีฆาตกรรมที่ถนนมอร์ก" (The Murders in the Rue Morgue) กลายเป็นต้นแบบของนวนิยายนักสืบในเวลาต่อมา ชีวิตปั่นปลายของโปนั้นค่อนข้างลึกลับ แม้กระทั้งตอนเสียชีวิต โป มีอาการเพ้อแปลกๆ ไม่สามารถควบคุมตนเอง เสื้อที่เขา ใส่ก็ไม่ใช่ของตัวเขาเอง และคืนก่อนเสียชีวิตเขายังเพ้อถึงชื่อ "เรย์โนลด์" ซ้ำ ๆ หลายคนจนเสียชีวิต ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่า “เรย์โนลด์” ที่เขาเอ่ยถึงคือใครกันแน่?

แต่เรื่องราวความ ลึกลับของโปยังไม่จบ เพราะหลังจากการเสียชีวิตของโป ที่หลุมฝังศพของเขาในบัลติมอร์(สุสานเวสต์มินสเตอร์ท ี่มุมถนนฟาเย็ตต์ตัดกับ ถนนกรีนนี่ ในบัลติเมอร์ตะวันตก) ก็เริ่มมีคนลึกลับ สวมชุดดำ ปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุมมีผ้าพันคอปิดปากปิดจมูก สวมหมวกสักหลาด ถือไม้เท้า เดินเข้าไปที่ป้ายหลุมศพของ โป ในทุก ๆ วันครบรอบวันเกิดของเขา และจะดื่มคอนยัคบรั่นดีหนึ่งขวดเพื่อคารวะก่อนจะวางข วดคอนยัคที่เหลือ เครื่องดื่มไว้ครึ่งขวด พร้อมดอกกุหลาบแดง 3 ดอก ไว้หน้าป้ายหลุมศพโดยบางครั้งก็มีการทิ้งโน้ตเอาไว้ด ้วย

บุคคลปริศนาผู้นี้ ถูกเรียกว่า 'ผู้ดื่มคารวะแก่โป' (Poe Toaster) เขาไปที่หลุมศพของโปเพื่อทำแบบเดียวกันทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี 1949 จนกระทั่งถึงถึงปี 1993 ไม่มีขาด การมาของเขาจะอยู่ในช่วงช่วงเที่ยงคืนถึงตี 5

ในวันที่ 14 มกราคม 1983 มีการจัดงานชุมนุมแฟนของโปกว่า 70 คน เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบที่ 174 ของโป และพอถึงเวลาตีหนึ่งครึ่งบรรดาคนในงานเหล่านั้นต่างต ระหนกตกใจไปตามๆ กัน เมื่อแลเห็นร่างของชายคนหนึ่งพุ่งเลาะไปตามริมรั้วสุ สานด้านทิศตะวันออก ชายเสื้อคลุมยาวของเขาปลิวไสว เขามีผมสีทอง ถือไม้เท้าหัวเลี่ยมทองเหมือนโปชอบใช้ และเมื่อเขาจากไปก็พบขวดบรั่นดีและดอกกุหลาบวางอยู่

ต่อมาผู้ดื่มคารวะแก่โป ก็ทิ้งโน้ตเอาไว้ว่า "คบเพลิงจะถูกส่งต่อ" ทำให้เชื่อว่าผู้ดื่มคารวะแก่โปกำลังจะเสียชีวิต จนในปี 1999 ก็มีโน้ตวางไว้ยืนยันว่าผู้ดื่มคารวะโปคนเก่าเสียชีว ิตแล้ว และมีผู้ดื่มคารวะโปคนต่อไปมาสืบทอด

ไม่ว่าชายคนนั้นจะ เป็นใคร แต่ที่แน่ๆ เขาจะต้องเป็นแฟนหนังสือตัวยงของโปแน่นอน มีผู้ที่สนใจเรื่องนี้พยายามเข้ามาสืบว่าตัวจริงของผ ู้ดื่มคารวะโปคือใคร หลายคนพยายามจะจับตาดูและพยายามดักจับ หากแต่พวกแฟนของโปและผู้เกี่ยวข้องไม่ต้องการให้ผู้ช ายคนนั้นถูกเปิดเผยและ พยายามใช้มาตรการป้องกันคนไปรบกวนผู้มาเคาระศพยามวิก าลและปฏิเสธคำให้ สัมภาษณ์เกี่ยวกับชายคนนั้นทั้งหมด ทั้งให้จนบัดนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าชายคนนั้นคือใครกันแ น่ บ้างก็ว่าเป็นวิญญาณเพราะเคยเห็นเขาลอยละล่องกลางอาก าศมาแล้ว หรืออาจเป็นผีของโปเอง หรือจะเป็นฝีมือของคนขี้แกล้ง หรือจะเป็นคนที่ชื่อ "เรย์โนลด์" ที่โปเพ้อก่อนตายกันแน่??

อันดับ 8 Babushka Lady

ระหว่างที่มีการวิเคราะห์วีดีโอเหตุการณ์ลอบสังหารจอ ห์น เอฟ เคนนาดี ในปี 1963 ก็เกิดเรื่องน่าสนใจและเรื่องลึกลับขึ้น เมื่อมีภาพหนึ่งจับภาพฝูงคนที่อยู่ใกล้ๆ รถที่เคนนาดี้โดนยิง มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอสีน้ำตาล ชมพูอยู่บนหัวของ เธอ(ผ้าพันคอกลายเป็นสาเหตุเรียกชื่อเธอ ซึ่งการการใช้ผ้าคลุมคลุมที่หัวจะเหมือนการแต่งกายขอ งหญิงรัสเซีย grandmothers เรียก ว่า babushkas) ซึ่งลักษณะท่าทางของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจับกล้อ ง(หรือวีดีโอ)บันทึกภาพ เหตุการณ์ที่จอห์น เอฟ เคนนาดี้โดนยิงที่หัวแบบจะๆ และคาดว่าภาพที่เธอจับนั้นจะเป็นภาพวินาทีสังหารเคนน าที่ชัดมากกว่าของใคร ทั้งหมด แต่แล้วเธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับท่ามกลางฝูงชนที่หนี ออกจากสถานที่เกิดเหตุ มีพยายบอกว่าเธอหนีไปทางตะวันออก พวกผู้เกี่ยวข้องและ FBI พยายามสืบและตามหาตัวเธอเพื่อขอหลักฐานนี้มาประกอบคด ี หากจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครพบตัวเธอเลย และหลักฐานที่เธอได้นั้นไม่รู้ว่าจะสำคัญพอที่จะพลิก คดีจนเขย่าโลกได้หรือ ไม่?

ทำไม หญิงคนนี้ถึงไม่ปรากฏตัว? ทำไมเธอถึงไม่มอบหลักฐานนี้ให้ทางการ? มีข้อสันนิษฐานว่าเธออาจถูกเก็บโดยผู้สมคบคิดเพราะเธ อมีหลักฐานพลิกโลก ในปี 1970 มีคนอ้างว่าเป็นเลดี้ Babushka ที่ชื่อ Lolita Davidovich หากแต่ต่อมาเธอก็รับสารภาพว่าโกหก จนบัดนี้ปริศนานี้ก็ไม่ได้ไขแต่อย่างใด

อันดับ 7 Kaspar Hauser

คาสปาร์ เฮาเซ็นต์(เกิด 30 เมษายน 1812 (?) - ตาย 17 ธันวาคม (อายุ 21 ?)) เด็กหนุ่มผู้มีชาติ กำเนิดเป็นปริศนาและตายลงอย่างลึกลับ เรื่องของเขาเป็นปริศนาพิศวงที่เป็นตำนานเล่าขานของเ ยอรมันมานาน

เรื่องของเรื่องเช้าวันหนึ่งในเดือน พฤษภาคม 1828 ได้มี เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีปรากฏตัวกลางเมืองเข้า เด็กหนุ่มผู้นี้มีท่าทางงุนงง ตื่นตระหนกและแต่งตัวบอนๆ เดินเข้าไปในนูเร็มเบิร์ก ประเทศเยอรมัน ใครถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง แต่ในมือเขามีจดหมายที่จ่าหน้าถึงผู้บังคับบัญชากองร ้อยที่ 4 แห่งกองพันทหารม้าที่ 6 จดหมายมี 2 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 เขียนไว้ว่า

"กระผมส่งเด็กผู้ปรารถนาจะรับใช้ชาติการเป็นทหารมาให ้ท่าน เขาถูกทิ้งที่บ้านผมตั้งแต่ยังเป็นทารก กระผมมีลูกของตัวเองที่ต้องเลียงดูถึง 10 คน และไม่อาจดูแลเขาได้อีกต่อไป หากท่านไม่ต้องการเขาก็ฆ่าหรือแขวนคอเขาก็แล้วกัน"

จดหมายอีกฉบับลงในปี 1812 คนเขียนอาจเป็นมารดา แท้ๆ ของเด็กหนุ่มผู้นั้น เขียนไว้ว่า

"ดูแลลูกดิฉันด้วย พ่อของเขาอยู่กองพันทหารม้าที่ 6"

แต่ ถึงอย่างไรผู้บังคับการกองร้อยที่ 4 ที่เป็นผู้รับจดหมายกับไม่เชื่อถืออะไรกับจดหมายนั้น จึงส่งเด็กหนุ่มไปให้ตำรวจและถูกจับส่งเข้าคุกในฐานะ คนจรจัด ในระหว่างเขาถูกคุมขัง ผู้คุมสังเกตว่าเขาสามารถอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานานๆ ชอบอยู่ในที่มืดๆ และเคลื่อนไหวในความมืดได้ดี เขารักในการเล่นม้าไม้ ไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่ขนมปังและน้ำ เมื่อส่งกระดาษให้เขาจะเขียนคำว่า "ทหารม้า" กับ "คาส ปาร์ เฮาเซอร์" ซึ่งสันนิษฐานว่านี้คงเป็นชื่อและนามสกุลเขา กิริยาคล้ายเด็กหัดเดิน และมองสิ่งรอบตัวก็เหมือนเป็นของแปลกใหม่ทุกอย่าง ผู้คุมชอบจึงสอนให้เขาฝึกพูด และเขียน

ภายใน 6 สัปดาห์ออกมาเขาก็สามารถ เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ได้ เขาเล่าว่าตั้งแต่จำความได้ก็ถูกขังในที่ห้องมืดๆ ทั้งวัน มีแต่ม้าไม้และหุ่นไม้เป็นของเล่น และไม่เคยเห็นใครหรือได้ยินใครกับใครมาก่อนเลย เมื่อเขาตื่นมาก็มีขนมปังกับน้ำมาวางไว้ให้ บางครั้งน้ำก็มีรสเฝื่อนๆ และบางครั้งเมื่อเขาหลับและตื่นขึ้นมาก็พบว่าผมเผ้าแ ละเล็บก็ถูกเล็มเรียบ ร้อย มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ได้ติดต่อคนอื่น เมื่อมีมือยื่นออกมาห้องขังพร้อมกระดาษและปากกาและสอ นให้เขาเขียนสองคำคือ ทหารม้าและ คาสปาร์ เฮาเซอร์ และต่อมาก็พบว่าตัวเองกะโผลกกระเผลกอยู่ในเมืองนูเร็ มเบิร์ก

และแล้วเรื่องเล่าของคาร์ปาร์ก็ก่อให้ เกิดความฮือฮาขนานใหญ่ในหมู่ชาวเมืองนูเร็มเบิร์ก มีการประกาศหาเบาะแสของเขาอย่างกว้างขวาง แต่ไม่มีใครสามารถหาข้อมูลอะไรได้เลย มีแต่ข่าวลือบางก็ว่าคาสปาร์เป็นลูกของซาตานบ้าง มาจากต่างดาวบ้าง บ้างก็เชื่อว่าเขาอาจมีเชื้อพระวงค์

และแล้วก็เกิดเหตุลึกลับขึ้นเมื่อเคา สปาร์ถูกปล่อยตัวจากที่คุมขัง เขาได้ไปอยู่กับกับศาสตราจารย์ จอร์จ ดอร์เมอร์ เขาพยายามสอนให้เขามีความรู้กว้างขวาง

แต่ แล้ววันวันหนึ่งเรื่องลึกลับก็เกิดเมื่อดอร์เมอร์กลั บมาบ้านมา พบว่าคาสปาร์นอนจมกองเลือดอยู่ที่ห้องใต้ทุนบ้าน โดยมีบาดแผลที่หน้าและลำคอ แต่ไม่ถึงตาย เมื่อคาร์ปาร์ได้สติเขาเล่าว่าถูกชายสวมหน้ากากคนหนึ ่งเข้ามาในบ้านและทำ ร้ายเขา จนข่าวลือนี้แพร่สะพัดจนชาวบ้านลือว่าพระญาติที่ขึ้น ครองบัลลังก์บาเดนอาจ จ้างนักฆ่ามาเพื่อกำจัดรัชทายาทที่แท้จริง

แต่ กระนั้นยังมีหลายคนคิดว่าคาสปาร์เป็นจอมโกหก เขาอาจสร้างเรื่องที่ถูกทำร้ายเพื่อเรียกร้องความสนใ จ

ต่อ มา ลอร์คสแตนโฮปเกิดรู้สึกสนใจเรื่องราวของเด็กหนุ่มนี้ ขึ้นมา และขอรับเป็นผู้ดูแลคาสปาร์ เขาพาคาสปาร์เดินทางตามราชสำนักเล็กๆ ในยุโรป ทั้งยังพยายามพิสูจน์ว่าคาสปาร์เป็นลูกของผู้ดี แต่ความพยายามของเขากลับล้มเหลว และเขาก็เริ่มหมดความสนใจต่อตัวคาสปาร์แล้ว จึงทิ้งเด็กนี้ไว้ให้กับ โจฮันน์ เมเยอร์ ครูสอนศาสนาใจแคบ ที่เมืองอังสบาคใกล้ๆ นูเร็มเบิร์กเป็นผู้ดูแล โดยในขณะนั้นคาลปาร์อายุ 21 ปีแล้ว และเริ่มทำงานเป็นเด็กฝึกหัดเข้าปกหนังสือ

เย็นวันที่ 14 ธันวาคม 1833 คาสปาร์วิ่งพรวดพราดกลับ บ้านของเมเยอร์โดยมีบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกด้านซ้าย เขาบอกว่าถูกชายคนหนึ่งแทงขณะที่เขากำลังเดินผ่านสวน สาธารณะ แต่ไม่มีใครเชื่อเขา หาว่าเขากุเรื่องขึ้นและทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องค วามสนใจเหมือนครั้งที่ แล้ว ซึ่งกว่าเมเยอร์จะเชื่อและเรียกหมอก็สายเกินไปแล้ว เพราะ อีกสามวันต่อมาคาสปาร์ก็ได้ชีวิตลงเพราะถูกแทงที่ท้อ ง เขานอนตายที่สวนสาธารณะ

ใน ที่เกิดเหตุนั้น ตำรวจพบกระเป๋าเงินใบหนึ่ง ภายในมีกระดาษเขียนข้อความด้วยตัวอักษรกลับด้านที่ต้ องใช้กระจกส่องอ่าน มันเขียนไว้ว่า

"คาสปาร์จะบอกให้ว่าผมคือใคร ผมอยู่ที่หมู่บ้าน....................... ชายแดนบาวาเรีย ผมชื่อ MLO"

และผลสุดท้ายตำรวจไม่ทราบคนที่เข้ามาแทง คาสปาร์ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน คดีนี้จึงไขปริศนาไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

ส่วน ศพของตาร์ปาสเขาถูกฝังที่สุสานเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อังสปาคพร้อมปริศนาอีกมากมายในตัวเขาที่ ไขไม่ออกจนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวของคาสปาร์ยังคงเป็นปริศนาที่ถกถียงกันอย่า งไม่สิ้นสุด เป็นเวลานาน จนถึงปัจจุบันได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่และหลักฐานในประ วัติศาสตร์มาแก้ไขใน ปริศนา แต่หลายฝ่ายไม่ยอมรับ เพราะมันส่งผลทำให้ปริศนาที่จุดประกายของจินตนาการถู กทำลาย และส่งผลต่อแหล่งท่องเที่ยวของคาสปาร์ได้ ซึ่งหลังจากนั้นมาก็ไม่มีการพิสูจน์ใดๆ เกี่ยวกับชาติกำเนิดของคาสปาร์อีก ทำให้จนบัดนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ มงกุราชกุมารแห่งบาเดนหรือเด็กช่างโกหกเพ้อเจ้อธรรมด าๆ....................

อันดับ 6 Fulcanelli

Fulcanelli (1839-1953??) เป็นนามแฝงของนักเล่นแร่แปรธาตุชาวฝรั่งเศสผู้ลึกลับ ในศวรรษที่ 19 ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเขา แต่ผลงานของเขานั้นล้วนแต่สร้างความน่าอัศจรรย์ใจต่อ ผู้พบเห็น โดยเฉพาะผลงานที่เขาอ้างว่าเขาสามารถแปรธาตุ(ตะกั่ว 100 กรัม )กลายเป็นทองคำได้โดยใช้ “ผงสูตรวิเศษลับ” ของเขาโปรยให้เป็นทองต่อหน้า Julien Champagne และ Gaston Sauvage

อีกหนึ่งผลงานที่น่าพิศวงไม่แพ้กันคือ คือเขาได้อธิบายหลักการเทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งตอนนั้น Fulcanelli ได้พบนักฟิสิกส์ปรมาณูชาวฝรั่งเศส เขาได้ให้รายละเอียดที่ถูกต้องเกี่ยวกับนิวเคลียร์ อีกทั้งเขายังอธิบายเสริมว่าอีกไม่นานมนุษย์จะสามารถ ใช้อาวุธนิวเคลียร์เช่น นี้ได้

สิ่งที่รู้เกี่ยวกับนักแปรธาตุคน นี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย สิ่งที่พอรู้ประวัติเขาคือจากคำบอกเล่าของลูกศิษย์เท ่านั้น และในปี 1953 เขาเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนกันแน่ บ้างบอกว่าเขาไปสเปนไปยังปราสาทสูงๆ เพื่อนัดพบนายเก่าของเขา หรือเขาอาจยังมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 114 ปี หรืออาจเป็นอมตะเลยก็เป็นได้



อันดับ 5 D. B. Cooper

ดี บี คูเปอร์ ไม่ใช้ชื่อยี่ห้อเหล้าที่ไหน แต่เป็นนามแฝงสลัดอากาศเครื่องบินผู้โด่งดัง(FBI เรียกเขา ว่า Norjak)เรื่องเกิดขึ้นในสมัยสายการบินที่ไม่มี การจับเอ็กซ์เรย์ตรวจจับตรวจสัมภาระผู้โดยสาร และไม่มีการทำประวัติผู้โดยสาร

เมื่อ 24 พฤศจิกายน 1971 ที่เครื่องบินโบอิ้ง 727 ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสลัดอากาศคนหนึ่งเลยตนเองว่า ดี บี คูเปอร์ ได้ยึดเครื่องบินพร้อมกับผู้โดยสารไว้เป็นตัวประกันบ นลานบิน เขาเรียกร้องเงิน 200,000 ดอลลาร์พร้อมกับร่มชูชีพ เขาได้ไปทั้งสองอย่างที่ต้องการ และเขาได้สั่งนักบินนำเครื่องบินขึ้นกว่าที่นักบินจะ นำเครื่องบินลงจอด ชายคนนั้นก็หายกลีบเมฆไปเสียแล้ว โดยเขาโดดร่มสู่ท้องฟ้าครึ้มพายุที่ความสูง 10,000 ฟุต หายไปตรงที่ใดที่หนึ่งแถบภาคกลางด้านตะวันตกของสหรัฐ อย่างลอยนวล

แม้การปฏิบัติการที่บ้าบิ่นจะทำ ให้โจรรายนี้หายสาบสูญไป แต่ผู้คนก็ยังคงติตตาม ดี บี คูเปอร์ ที่คาดว่าเขาและเงินค่าไถ่ยังคงอยู่ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมา 9 ปี เด็กอายุแปดปีพบ เงิน 5,800 เหรียญ ในสภาพฝังอยู่ในสันทรายกลางแม่น้ำโคลัมเบียซึ่งจากหม ายเลขธนบัตรและระบุตรง กับเงินค่าไถ่ของสลัดอากาศไม่มีผิดและล่าสุดในปี 2008 มีการพบร่มชูชีพที่ดี บี คูเปอร์ใช้ในเมืองเอ็บเบอร์ แต่ตัวสลัดอากาศดี บี คูเปอร์นั้นจนบัดนี้ยังไม่พบตัว มีข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ ว่าบางทีเขาอาจจะตายจากเหตุการณ์กระโดดร่มไปแล้วก็ได ้ หรือบางทีเขาอาจเคยเป็นทหารที่มีประสบการณ์โดดร่ม แต่จนบัดนี้ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา หน้าที่แท้จริง ไม่ มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ หรือบางทีเขาอาจมีชีวิตที่สุขสบายไหนสักแห่งบนโลกใบน ี้ก็เป็นไปได้

เรื่องราวของดี บี คูเปอร์ส่งผลให้สายการบินจัดระเบียบใหม่ และเริ่มมีการใช้เอ็กซ์เรย์ตรวจจับตรวจสัมภาระผู้โดย สารในที่สุด

อันดับ 4 Comte St Germain

เคาท์ เซนต์ เกอร์แมน เป็นที่ปรึกษาข้อราชการของกษัตริย์หลายพระองค์ในฝรั่ งเศส เป็นชายหนุ่มที่เจนจัดสังคม และมีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ยังเป็นคนฉลาดที่หาตัวจับยากอีกด้วย เนื่องจากเขามีความรู้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น นักประดิษฐ์, นักวิทยาศาสตร์, นักเล่นไวโอลิน, นักแต่งเพลง. นักการเมือง จนถึงขนามนามว่า “Wonderman” แต่ทว่าเรื่องราวประวัติของเคาท์ เซนต์ เกอร์แมนนั้นยังคงเป็นปริศนาดำมืด และน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องที่ว่า เขาเกิดที่ไหน เมื่อไร หรือตายเมื่อใด บางคนบอกว่าเขาคือทายาทที่แท้จริงในการสืบทอดราชบัลล ังก์ของอังกฤษ, บุตรของกษัตริย์โปตุเกส, หรือลูกนอกสมรสของคนในราชวงค์พระองค์หนึ่ง

เคาท์ เซนต์ เกอร์แมนเริ่มปรากฏตัวในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 23 โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ของฝรั่งเศส และยังเป้นที่ไม่ไว้วางใจของบรรดาราชบริพารในสมัยนั้ น เนื่องจากเขาเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหลุยส์อย่างมา ก ในเวลาต่อมาเขาโดนจับขังคุกด้วยเรื่องการเมือง และหนีไปอังกฤษ และเสียชีวิตลงเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ ปี 1784

อันดับ 3 Feodor Kuzmich

ความ จริงอันดับนี้เป็นของชายสวมหน้ากากเหล็กครับ แต่ว่าผมเขียนไปแล้ว ดังนั้นจึงเอาของใหม่มาแทน เป็นเรื่องลึกลับที่แปลกๆ เกิดขึ้นในรัสเซียครับ

ฟี เดอร์ คุซมิช(??- ตาย 1 กุมภาพันธ์ 1864 ในเมืองทอมสค์) เป็นชื่อของฤาษีลึกลับ ไร้ที่มาที่ไปอาศัยอยู่ทางภาคตะวันออกของรัสเซีย

เรื่อง มันเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าซาร์ อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซียสิ้นพระชนม์ลง ขณะนั้นพระองค์มีพระชนม์มายุเพียง 47 ปี(พระศพได้ ประกอบพิธีเพลิงพระศพ วันที่ 13 มีนาคม 1826 ในวิหาร ปีเตอร์-พอล (Peter and Pual Cathedral) ในนครเซ็นปีเตอร์เบิร์ก) และต่อมาก็เกิดข่าวลือประหลาดๆ ว่า แท้ที่จริงแล้วพระองค์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ซ้ำยังมีข่าวลือว่าพระองค์ทรงสละราชสมบัติเพื่อช่วยช ีวิตฤาษีตนหนึ่ง ในเมืองทอมสค์ ซึ่งประชาชนที่นั้นเรียกฤาษีตนนั้นว่าฟีเดอร์ คุซมิช

ไม่ รู้ว่าทำไมพระเจ้าซาร์อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1 ถึงให้ความสนใจฤาษีฟีเดอร์ คุซมิช เขาเป็นบุคคลพิเศษของพระองค์มากกระนั้นหรือ?? ที่จริงหลายคนแทบไม่เคย เห็นเขามากนัก และเขาปรากฏตัวตอนที่พระเจ้าซาร์อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1 เสียชีวิต ทำให้หลายคนมีความเชื่อว่าฤาษีตนนี้คืออดีตพระเจ้าซา ร์นั้นเองสาเหตุเนื่อง จากอยากหนีเรื่องวุ่นวายจากราชบัลลังก์ที่มีแต่การแก ่งแย่งและลอบสังหาร และในเวลาต่อมาหลังจากที่ฤาษีฟีเดอร์ คุซมิชเสียชีวิตในปี 1864 เขาได้ทิ้งท้ายประโยคว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ข้ามีชื่ออันแท้จริงว่าอย่างไร”

ต่อ มาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ก็ขึ้นครองราชย์ต่อจาก พระเจ้าซาร์อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1 พระองค์พยายามยุติข่าวลือเรื่องนี้ แต่ในปี 1865 พระองค์สั่งให้เจ้าหน้าที่ขุดพระศพเสด็จพ่อของพระองค ์ขึ้นมา แต่ปรากฏว่าในโลงกับว่างเปล่า และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโลงก็พบว่ามันวางเปล่าตั้ งแต่แรกแล้ว สรุปว่าศพของพระเจ้าซาร์อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1อยู่ที่ไหนจนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำตอบของปริศนานี้แต่อ ย่างใด

หรือว่าฤาษีฟีเดอร์ คุซมิชก็คือพระเจ้าซาร์อเล็กซาร์เดอร์ที่ 1กันแน่น่ะ??

อันดับ 2 Gil Perez

Gil Perez เป็นชื่อของทหารสเปนลึกลับที่จู่ๆ เขาก็ไปปรากฏตัวที่เมืองเม็กซิโก เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 1593 เขาแต่งเครื่องแบบแปลกๆ เขาได้อ้างว่าเขาถูกพลังลึกลับอย่างหนึ่งพัดพาเขามาย ังประเทศนี้

เรื่องนี้เป็นเล่าเก่าแก่ ที่มีมานานกว่าสี่ศตวรรษ เล่าว่า ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1593 ทหารหนุ่มรายหนึ่งพลัดจากประเทศฟิลิปปินส์แล้วไปหลงอ ยู่ในเม็กซิโกซิตี้ (ระยะทางกว่า 15,000 กม.) ชุดเครื่องแบบที่เขาสวมใส่นั้นดูประหลาดสำหรับชาวเมื องมาก เขาถูกสอบสวนเขาบอกว่าก่อนที่จะโผล่มาที่นี้เขายืนรั กษาการณ์อยู่ที่ทำ ทำการราชการจังหวัดในกรุงมนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์ ส่วน เขาก็หลงมาที่เม็กซิโกได้ยังไงก็ไม่ทราบ โดยเขาอ้างหลักฐานตนเองว่าที่ฟิลิปปินส์ผู้ว่าที่เขา ประจำที่นั้นถูกลอบ สังหาร หลายเดือนต่อมามีเรือจากฟิลิปปินส์ ได้ยินยันว่าข่าวลอบสังหารผู้ว่าเป็นเรื่องจริง และตรงกับรายละเอียดของทหารคนนั้นเล่าทุกประการ อีกทั้งผู้โดยสารเรือบางคนก็อ้างว่ารู้จักกับ Gil Perez และสาบานได้ว่าเห็นเขาอยู่ในฟิลปปินส์เมื่อวันที่ 23

สุดท้าย Gil Perez ก็ได้กลับฟิลิปปินส์และชีวิตหลังจากนั้นของเขาก็หายไ ป ไม่มีใครรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาอีกเลยจัดกระทั้งบั ดนี้ ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์ลึกลับนี้ซึ่งสมมุติฐานที่น่าเชื่อถือที ่สุดคือเทเลพอเทชั่น (Teleportation)พลังลึกลับชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายสสาร วัตถุ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตไปมาระหว่างสองจุดโดยไม่ต้องผ่ านระยะทางตรงหว่างกลาง ทั้งยังบังคับได้จากระยะไกล

เรื่องนี้ต่อมาได้รับอิทธิพลให้ นักเขียนแนวลึกลับนาม เอ็ม. เค. เจสอัพ เอาไปเขียนในเวลาต่อมา

อันดับ 1 Green Children of Woolpit

เด็กเขียวแห่งหมู่บ้านบาน โฮเซ(Woolpit) เป็นเหตุการณ์ประหลาดเกี่ยวกับมิติลึกลับ ที่เห็นกันอย่างจะๆ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เห็นตรงหน้าได้ ว่ามันคืออะไรกันแน่??

บ่ายวันหนึ่งแห่งเดือนสิงหาคม ค.ศ.1887 เด็กสองคนจูงมือกัน เดินออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่งที่เชิงผาใกล้หมู่บ้านบานโฮ เซ ในประเทศสเปน เข้าไปในนาซึ่งคนงานกำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่ เด็กสองคนนั้นเดินออกมาจากปากถ้ำอย่างปราศจากอาการหว าดกลัว ทั้งสองคนพูดภาษาที่แปลก และกระท่อนกระแท่น ไม่ใช้ภาษาสเปน และภาษาใดในโลก กับทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มก็ประกอบด้วยวัสดุที่ไ ม่เคยเห็นมาก่อน

และที่ประหลาดที่สุดก็คือผิวกายของเด็กทั้งคู่ไม่เหม ือนคนธรรมดา ทั่วไป กล่าวคือเป็นสีเขียวขจี เมื่อพิจารณาดูลักษณะของตาเหมือนคนเอเชียมาก นัยน์ตากลมเหมือนผลมะนาว และลึก

พวกชาวนาที่เกี่ยวข้าวกำลังพักผ่อนรับประทานอาหารกลา งวันกันอยู่ เมื่อเด็กประหลาดคู่นั้นปรากฏตัวขึ้นที่ปากถ้ำบนเชิง เขา ทั้งสองมีอาการเงอะงะร้องไห้โฮออกมาอย่างเปิดเผย และที่ประหลาดมากก็คือทั้งสองคนมีผิวกายสีเขียวเข้ม

ด้วย ความไม่เชื่อ คนทำงานพากันวิ่งกรูเข้าไปหาเด็กสองคนนั้น ฝ่ายเด็กก็ตื่นตกใจและออกวิ่ง ผู้คนเลยแตกตื่นวิ่งไล่ตาม ในที่สุดก็ตามทันและจับตัวไว้ได้นำไปที่หมู่บ้าน

ทั้ง สองคนถูกนำตัวไปที่บ้านของริคาร์โด ดา คาลโน ผู้ซึ่งเป็นทั้งนคราภิบาล และเจ้าของที่ดินคนสำคัญของหมู่บ้าน

ดา คาลโนพยายามพูดจากับเด็กคู่นั้น ส่วนตนอื่นๆ โผล่หน้าต่างดู เขาจับมือขวาของเด็กผู้หญิงยกขึ้นดู ปรากฏว่าสีเขียวติดแน่น จึงต้องเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อของผิวกายอย่างไม่ ต้องสงสัย

เด็ก คนนั้นดึงมือกลับ แล้วร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เจ้าของบ้านจัดอาหารมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กทั้งสอง แต่เด็กก็ไม่รับประทาน หยิบขนมปังขึ้นมาถือไว้แล้วหยิบผลไม้ แต่ก็เพียงมองดูด้วยความแปลกใจ ไม่ยอมเอามันเข้าไปใกล้ปาก

เด็กทั้งสองพักอยู่ในบ้านนั้น 5 วัน ไม่กินอะไรเลยจนสังเกตเห็นได้ว่าอ่อนเพลีย ไม่ทราบว่าอาหารอะไรจึงจะเป็นที่พึงใจเขาทั้งสอง จนในที่สุดเด็กชายก็เสียชีวิตจากไปเพราะร่างกายอ่อนแ อ หลังจากมาที่ปรากฏตัวได้ที่นั่นหนึ่งเดือน ศพของเขาก็ได้ถูกฝังไว้ในสุสานของหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตามส่วนเด็กหญิงกลับแข็งแรงดี และทำหน้าที่เป็นคนรับใช้อยู่ในบ้านของ ดา คาลโน ผิวกายที่เป็นสีเขียวค่อยๆจางลง และเป็นคนแปลกประหลาดของหมู่บ้านน้อยลง หลังจากนั้น 2-3 เดือนเธอก็พูดภาษาสเปนได้บ้าง จึงสามารถให้ถ้อยคำชี้แจงแก่ดา คาลโนได้ถึงเรื่องราวในการมาของเธอ แต่แม้กระนั้นก็ยังทำให้ความลึกลับที่มีอยู่แล้วกลับ มีมากยิ่งขึ้น

เธอบอกว่าเธอมาจากดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีพระอาทิตย ์ขึ้น และมีแสงสนธยาอยู่เสมอเป็นนิจ "มีดินแดนที่มีแสงสว่างแลเห็นอยู่ห่างไกลจากเรา แต่ถูกสกัดกั้นโดยธารน้ำที่กว้างมาก" เธอบอก

ต่อคำถามที่ว่าทั้งสองคนมาสู่พิภพของเราได้อย่างไร เธอตอบได้แต่เพียงว่า "มีเสียงหนึ่งดังมากขึ้น และเสียงนั้นเองที่ตรึงจิตใจของเรา เราจึงมาตามเสียงนั้นและได้พบตัวเองมาอยู่ในทุ่งนาที ่กำลังมีการเก็บเกี่ยว"

นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดที่เธอเล่าให้ฟัง เด็กผู้หญิงมีชีวิตอยู่อีกห้าปี แล้วเธอเองก็ตายตามไปอีกคนนึ่ง ศพของเธอถูกฝังไว้เคียงข้างกับศพพี่(หรือน้อง) ชายของเธอ

นี้ เป็นเรื่องจริงปรัมปราที่เล่ากันมาในอดีต หรือเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงกันแน่??

7/02/2553

Cardboard Warfare มันมากๆ



ดูๆซะมันมาก สนุกด้วยฮ่าสงครามกระดาษ

i3 i5 i7 ข้อควรระวังก่อนซื้อ

CPU เดี๋ยวนี้ชักจะหั่นรุ่นจนคนซื้องงไปตามๆกัน
มาดูเลขรหัสและวิธีจำกันอย่างย่อๆก่อนจะโดนหลอกเป็นร ายต่อไป

CPU ที่เป็น 2 Core 4 Thread L3 cache 4MB และมีระบบ VGA core ในตัว CPU
พวกนี้เหมาะกับบอร์ด chipset H55 ที่มี VGA onboard แต่มีข้อเสียที่มันเป็น 2 Core ความสามารถดีกว่า Core 2 duo เพียง 10% เท่านั้นที่ GHz เท่ากันแต่จะดีตรงการรับส่งข้อมูลจาก RAM จะทำได้ดีกว่า Core 2 duo
ได้แก่
i3 5xx (32nm)
i5 6xx (32nm) <<<< i5 ก็มีแบบ 2 หัวนะครับ ซึ่งจะเพิ่มระบบ turbo คือ oc ตัวเองได้แต่ 2หัวมันก็คือ 2หัววันยังค่ำ
i5 655K (32nm) ปลดล็อคตัวคูณให้ oc กันง่ายๆแค่ปรับตัวคูณเฉยๆไม่ต้องไปยุ่งกับ bus

CPU ที่เป็น 4 Core 4 Thread L3 cache 8MB แต่ไม่มีระบบ VGA core ในตัว CPU
พวกนี้เหมาะกับบอร์ด chipset P55 ซึ่งต้องหาซื้อ VGA มาใส่เอาเอง ความสามารถนั้นในบางโปรแกรมโดยเฉพาะเกมนั้นสูสี core i7 เลยทีเดียวเนื่องจากเป็น CPU 4 core แท้ๆ
แต่ใช้กระบวนการผลิตที่ 45 nm
ได้แก่
i5 750 (45 nm)
i5 760 (45 nm)

CPU ที่เป็น 4 Core 8 Thread L3 cache 8MB แต่ไม่มีระบบ VGA core ในตัว CPU
พวกนี้เหมาะกับบอร์ด chipset P55/X58 (ตาม socket ของ CPU) ซึ่งต้องหาซื้อ VGA มาใส่เอาเอง i7 ถือว่าเป็นของแพงพอสมควร และมีระบบ turbo ที่จะ oc ตัวเองอัตโนมัติอีกด้วย แต่ยังใช้กระบวนการผลิตที่ 45 nmเหมือนเดิม
ได้แก่
i7 8xx (45 nm)
i7 875K (45 nm) ปลดล็อคตัวคูณให้ oc กันง่ายๆแค่ปรับตัวคูณเฉยๆไม่ต้องไปยุ่งกับ bus
i7 9xx (45 nm)

CPU ที่เป็น 6 Core 12 Thread L3 cache 12MB แต่ไม่มีระบบ VGA core ในตัว CPU
พวกนี้เหมาะกับบอร์ด chipset X58 ซึ่งต้องหาซื้อ VGA มาใส่เอาเอง i7 ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวแรงสุดในปัจจุบันแต่ตอนเล่นเกมแท บจะไม่มีผลเพราะเกมยังรองรับแค่ 4 core เท่านั้น และมีระบบ turbo ที่จะ oc ตัวเองอัตโนมัติอีกด้วย ซึ่งตัวนี้ใช้กระบวนการผลิตที่ 32nm สนนราคาไม่ต่ำกว่า 3หมื่นบาท
ได้แก่
i7 980X (32 nm)
i7 990X (32 nm)

และข่าวร้ายสำหรับสาวก Intel ช่วงปีหน้า Socket 1156 จะไม่รองรับ chipset ใหม่ ที่รองรับ CPU รุ่นใหม่ที่มี codename ว่า Sandybridge (ใช้ socket 1155) ซึ่งออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ (พูดง่ายๆคือของเก่ารอตกรุ่นใช้ยังไม่ถึงปีเลยทำกันไ ด้นะ Intel)
สำหรับใครที่คิดจะฃื้อ socket 1156 ถ้าไม่รีบก็อดใจรอดีกว่าเพราะสถาปัตยกรรมใหม่นั้นมีข ่าวว่าประสิทธิภาพดีขึ้น 20% ที่ GHz เท่ากันเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังเป็นแบบ 32 nm ทั้งหมดและจะทำออกมาขายทั้งแบบ celeron Pentium i3 i5 i7 (สรุปคือออกมาทับตลาดตัวเองทำมาทำไมเนี่ย) ทำให้อนาคตของ i3 i5 i7 ตัวปัจจุบันไม่ค่อยแน่นอน ส่วนใครรีบซื้อรีบใช้ก็ไม่ว่ากันครับ

วิ่งบนน้ำสุดยอด !!



แต่ทางเราและเค้ามีคลิปเฉลย

วัตถุลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้!!

Piri Reis


ในปี ค.ศ. 1979 ในระหว่างที่มีการซ่อมแซมมหาราชวังคอนสแตนทิโนเปิล (Constantinople) ในอิสตันบูล ประเทศตรุกี ก็ได้มี การค้นพบภาพวาดแผนที่ที่ถูกวาดลงบนหนังกวาง ซึ่งถูกวาดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1513 แผนที่ดังกล่าวมีการลงชื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยของ นาย ทหารเรือชาวเติร์กชื่อ Piri Haji Memmed ทำให้มีการ เรียกแผนที่นี้ว่า Piri Reis คาดว่ามันถูกทำขึ้น เมื่อ ปี ค.ศ. 1513






แผนที่ ของ Piri Reis เป็น สิ่งที่ท้าทายนักประวัติศาสตร์อย่างมาก เนื่องด้วยแผนที่นี้มันแสดงภูมิศาสตร์สมบูร์แบบเกิน กว่าแผนที่ธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังมีเส้นรุ้งเส้นแวงที่ชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามหลักวิชาการแผนที่สมัยใหม่ทุกประการ มันแสดงถึงพิ้นที่ของทวีปอาฟริกาใต้อย่างละเอียดละออ เป็นพิเศษ รวมไปถึงทวีปอื่นๆอย่างคร่าวๆ ซึ่งนับว่าเหลือเชื่อที่สุด เพราะถูกทำขึ้นหลังจากโคลัมบัสคนเก่ง ค้นพบโลกใหม่ เพียง 21 ปีเท่านั้น เวลาสั้นๆแค่นี้ไม่น่า จะมีใครสำรวจจนทำแผนที่ที่แทบจะครอบคลุมโลกแบบนี้ออก มาได้ ยิ่งน่าทึ่งกว่านี้อีกคือมันมีทวีปแอนตาร์กติก้าด้วย ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการค้นพบทวีปดังกล่าวนี้เลย ( แอนตาร์กติก้าค้นพบราวๆ ปี 1800) เขาสามารถแสดงชายฝั่งของทวีปที่อยู่ภายใต้น้ำแข็งหนา เป็นกิโลได้อย่างไรหากไม่ใช้กรรมวิธีสมัยใหม่ทาง ภูมิศาสตร์ที่เรียกกันว่าการสำรวจจากทางอากาศ




จนบัด นี้ก็ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่าคนวาดแผน Piri Reis นี้มีวิธีการวาดอย่างไรถึงทำให้มีความสอดคล้องกับข้อ มูลทางธรณีในยุค ปัจจุบัน ทั้งๆที่มันถูกวาดขึ้นในปี 1513

ข้อเสียของการพิมพ์เร็ว

ข้อเสียของการพิมพ์เร็ว
--------------------------------------------------------------------------------


ใครอ่านแล้ว ขออภัย
' ลูกชายผมสองขวบมีไข่สูงมากให้กินพาราได้ไหม ขอคำตอบด่วนครับ'


answer***ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไข่มาตอบด่วนค่ะ


' แฟนเป็นคนเสียว ดังมากครับ ผมอายคนอื่นเค้า ผมจะเตือนเธอยังไงดีครับ'


answer***แนะนำให้ว่าเวลาจะมีอะไรกันให้หาอะไรให้เธอกัดครับ เวลาเธอเสียว


ก็จะไม่ค่อยมีเสียงเล็ดรอดออกมา


' กลุ้มใจจัง แฟนผมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยจะอม ใครง่ายๆ'


answer***ดีแล้วล่ะคะ


' มีพี่ที่ทำงานคนนึงเพิ่งเข้ามาทำงาน เธอเป็นลูกน้องผมแต่อายุแก่กว่าผมมาก ผมจะสอยเธอยังไงดี! ครับถึงจะไม่น่าเกลียด'


answer***ความจริงน่าจะสอยพวกเด็ก ๆ ใหม่ ๆ นะครับ ถ้าอยากสอยเธอจริง ๆ ก็ท่าพื้นฐานไปก่อนครับ


พอเคย ๆ กันแล้วค่อยเปลี่ยนท่าสอยครับ แค่นั้นก็ไม่น่าเกลียดแล้วครับ
' สามีมีปัญหาในการนอนค่ะเค้าชอบนอนหนุนหมอย นิ่ม ๆ ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ พอจะรู้จักยี่ห้อดี ๆ มั้ยคะ'


answer***มียี่ห้อด้วยเหรอค่ะของแบบนี้
' เดือนหน้าฉันจะมีเพื่อนฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย เค้าชอบช้างมากค่ะช่วยแนะนำทัวร์ที่มีโปรแกรมขี้ช้าง ให้หน่อยได้มั้ยคะ'


answer***ไม่มีมั้งค่ะโปรแกรมนี้
' เจอรูแฟนเก่าในโทรศัพท์มือถือแฟน หมายความว่ายังงัย'


answer***ความสามารถในการแยกแยะสูงจริง ๆ เลยค่ะเห็นแค่รูรู้เลยว่ารูใครเป็นรู้ใคร
' อยากไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง ที่ปิดไฟมืด ๆแล้วฉายภาพดาวน่ะค่ะไม่ทราบว่าเข้าชมฟรีรึต้องเสียต ัวด้วยรึป่าวคะ'


answer***เอ่อ! ไม่อยากมาเที่ยวบ้านผมบ้างเหรอ?? แต่ไม่ได้ชมฟรีนะครับบ้านผม
' ข่าวดีค่ะปลื้มใจอยากบอก ไปขยายรูแต่งงานมาแล้ว ออกมาสวยมาก ๆขนาดแฟนเป็นคนไม่ค่อยพูด ยังออกปากชม


ไม่รู้มาก่อนว่าดีแบบนี้ เพื่อน ๆไปขยายที่ไหนกันบ้างคะ'


answer***เรื่องนี้เก็บไว้ 2 คนก็ได้ครับ ไม่ต้องเอามา post เขิน ๆ ไงไม่รู้


เ่อ่อ! ของแฟนใหญ่มากเหรอครับ ถึงต้องไปขยายรูแต่งงานของคุณมา


' พี่ ๆ ครับ ผมจะไปสอบใบขับขี่พรุ่งนี้แต่ผมยังไม่ชำนาญ เรื่องการถอยรถเข้าซ่องเลย ใครพอแนะนำเทคนิคได้บ้างครับ'


answer***แนะนำให้ดื่มเบียร์เข้าไปสักขวด แล้วไปแท๊กซี่ดีกว่าครับ สถานที่อย่าง


นั้นใครเห็นรถเราเข้าไปมันไม่น่าดู เสร็จกิจแล้วก็นั่งแท๊กซี่กลับครับ
' ถามเลขาค่ะ พานายฝรั่งไปไหนดีไม่ชอบซิสเลอร์เลย วันก่อนไปกินกับนายฝรั่งหลายคน


สั่งไส้กรอกรวมกินกันแล้วปรากฏว่าบรรยากาศเงียนมาก ๆ'


answer***บรรยากาศน่ากลัวนะคะ ! ฝรั่งเยอะด้วย
' ผมมีปัญหากับแฟนใหม่ของเธอครับ ไม่น่าคิดมากเลย แค่โทรเรียกเธอมาเจอเพราะอยากเลียร์ ให้มันสบายใจทั้งสองฝ่าย'


answer***ว่าแต่ว่าเขาจะยอมทั้งสองคนเลยเหรอ?
' ขอถามหน่อยค่ะ ใบพลูเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ที่ไหน คุณยายข้างบ้านกินแต่หมา เปล่า ๆ มานานแล้ว บอกว่าเคี้ยวไม่อร่อย'


answer***กินหมาแทนพลูเลยเหรอค่ะ


' แถวสี่พระยามีร้านอัดรูดี ๆ มั้ยครับ อ้อ แล้วรูขนาด 4' x 6' นี่จะเล็กไปมั้ยครับ'


answer***รูขนาดนั้นไม่เล็กแล้วครับ อย่างนั้นเค้าเรียกบานครับ
' จะไปเชียงใหม่ค่ะหนุ่มคนเมืองที่ไหนพอแนะนำได้บ้างคะ อยากถามว่าขนมจีนน้ำเจี๊ยวที่ไหนอร่อยบ้าง'


answer***ถ้าเจอที่ไหนอร่อย ๆ อย่าลืมกลับมาแน่ะนำด้วยนะคะ
'จิงๆหงษ์น่าจะไม่แพ้เป็นอย่างน้อยถ้า(ตั้งช้าหน่อยค รับเพิ่งว่าว)'


answer***ทราบแล้วเปลี่ยนค่ะ ว่า เจ้าของกระทู้ยังโสด
'ผมตกขาวมากเลยครับ เกือบไม่ได้ไปดูงาน NIKON DAY 2006 '


answer***นึกว่าเป็นแต่ผู้หญิงผู้ชายก็ตกเหมือนกันเหรอค่ะ
'นศ หญิงสมัยนี้ทำไมชอบใส่เสื้อชายสั้นๆ แล้วปล่อยให้หอยออกมาอยู่นอกกระโปรงกันนะ ไม่น่ารักเลย'


answer***ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ
'ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพฺ์วันเดียว ตกขาวเลยละเธอ'


answer***โหน่ากลัวเนาะ พรุ่งนี้ต้องรีบหาอ่านแล้วล่ะ
'ถามท่านผู้รู้หน่อยคับ : ทำไงดีคับ เครื่องเสียวผมใช้งานไม่ได้'


answer***ไม่มีความเห็นค่ะ รอผู้รู้มาตอบละกัน
เครดิต จากFW mail and พันทิป

หลายเรื่องในเรื่องเดียว

เรื่องใส่ปากอม
มีหญิงสาว กับชายหนุ่ม อยู่ในห้อง
สองต่อสอง ชายจับแท่ง แกว่งให้สั่น
ชายสั่งหญิง ให้อม ในปากพลัน
หญิงดื้อรั้น ชายเร่งเร้า ด้วยอารมณ์
จับโคนไว้ เอาปลายแหย่ ให้เข้าปาก
หญิงกระดาก หุบปากนิ่ง เอาหน้าก้ม
ชายก็บ่น เหตุผลใด ถึงไม่อม
ต้องขู่ข่ม ให้หายดื้อ กันหรือไร
พูดดีดี ก็ไม่ฟัง ต้องบังคับ
เอามือจับ ปากให้อ้า คว้าแท่งใส่
ใช้ปากอม เธอไม่เคย เลยหรือไง
นี่ปรอท วัดไข้... หมอให้อม
================================================== ==========================================
กกน.
มีเด็กคนนึงชอบปีนต้นไม้และชอบปีนบ่อยๆ และยายคนนึงจึงบอกว่า
"ไอ้หนู ปีนต้นไม้น่ะระวัง!!หนุ่มๆจะเห็น...กกน..เอาน่ะ"
เด็กคนนั้นจึงบอกว่าไม่เป็นไรยาย หนูถอดเก็บไว้ที่บ้านแล้วปลอดภัย...หายห่วง
================================================== ==========================================
ไม่สวยหรอ?
มีคู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง จะมาแต่งงานที่โบสถ์แห่งหนึ่ง โดยมีบาทหลวงเป็นผู้ทำพีธี
เมื่อทำพีธีเสร็จแล้วเจ้าบ่าวก็ได้ถามกับบาทหลวงว่าค ่าใช้จ่ายในงานนี้ทั้งหมดเท่าไร
ส่วนบาทหลวงก็ตอบกลับมาว่า "แล้วแต่ความงามของเจ้าสาว"" ถ้าสวยมากก็ให้มาก ถ้าสวยน้อยก็ให้น้อย
เจ้าบ่าวก็ได้เอามือล้วงกระเป๋าอยู่พักหนึ่ง แล้วหยิบเหรียญ 5 ขึ้นมาให้กับบาทหลวง
บาทหกลวงจึงได้ถามว่า "ทำไมคุณถึงได้ดูถูกความงามของเจ้าสาวคุณอย่างนี ้"
แล้วบาทหลวงก็ได้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวดู แล้วบาทหลวงก็ทอนเงินให้กับเจ้าบ่าว 3 บาท
(แล้วคุณก้คิดเอาเองว่าเจ้าสาวสวยมากน้อยขนาดไหน)
================================================== ==========================================
ซักผ้า!!
สามีภรรยาคู่หนึ่งแต่งงานกันมาหลายปีและมีลูก 1 คน กำลังอยากรู้อยากเห็น
สองสามีภรรยาจึงตกลงกันว่า ถ้าวันไหนที่จะมีกิจกรรมเข้าจังหวะให้พูดว่า
"ซักผ้า" อยู่มาวันหนึ่งสามีก็เอ่ยกับภรรยาว่า
สามี : ที่รักจ๋าวันนี้เราซักผ้ากันเถอะ
ภรรยา : ไม่ได้หรอกค่ะ วันนี้เครื่องซักผ้าเสีย (วันเบาๆ)
สองวันต่อมา สามีก็เอ่ยกับภรรยาอีกว่า
สามี : ที่รักจ๋าวันนี้เราซักผ้ากันได้แล้วหรือยังจ๊ะ
ภรรยา : ยังไม่ได้หรอกค่ะ เครื่องซักผ้ายังซ่อมไม่เสร็จจ๊ะ
สามวันถัดมา
ภรรยา : ที่รักจ๋าวันนี้เครื่องซักผ้าใช้ได้แล้วค่ะ
สามี : อ๋อ ! ไม่ต้องแล้วหล่ะ เพราะเมื่อวานพี่ใช้มือซักไปเรียบร้อยแล้ว
ภรรยา : !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
================================================== ==========================================
ข้อแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
ผู้ชาย จ่ายเงิน 10 บาท เพื่อให้ได้ของราคา 5 บาท ถ้าเขาต้องการมัน
ผู้หญิง จ่ายเงิน 5 บาท เพื่อให้ได้ของ 10 บาทที่เธอไม่ต้องการแต่เพราะมันลดราคา
ผู้หญิงกังวลเกี่ยวกับอนาคต..........จนกว่าเธอจะมีส ามี
ผู้ชายไม่เคยกังวลเกี่ยวกับอนาคต..........จนกว่าเขา จะมีภรรยา
ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จคือ................คนที่สา มารถหาเงินได้มากกว่าที่ภรรยาของเขาสามารถใช้ให้หมดไ ด้
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จคือ..............ผู้หญิงท ี่หาผู้ชายคนดังกล่าวเจอ
การจะมีความสุขกับผู้ชาย.......................คุณจ ะต้องเข้าใจเขาให้มากโดยรักเขาเพียงนิดเดียวก็พอ
การจะมีความสุขกับผู้หญิง......................คุณต ้องรักเธอมากๆ และอย่าคาดหวังว่าจะเข้าใจเธอ
ชายที่แต่งงานแล้วอายุยืนกว่าชายที่เป็นโสด......... ...........................แต่ชายที่แต่งงานแล้วยิน ดีจะตายมากกว่า
ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายโดยคาดหวังว่า.....เขาจะเปลี ่ยนแปลง.............................แต่เขาไม่
ผู้ชายแต่งงานกับผู้หญิงโดยคาดหวังว่า.....เธอจะไม่เ ปลี่ยน......................แต่เธอเปลี่ยนไป.....
ผู้หญิงจะเป็นคนกล่าวคำสุดท้ายในการโต้เถียงทุกครั้ง
ชายผู้ใดกล่าวอะไรหลังจากนั้นจะเป็นการเริ่มการโต้เถ ียงครั้งใหม่

นัก วิทยาศาสตร์ ชี้ “จาบูลานี” มันไม่ใช่ลูกบอล

"จาบูลานี" ลูกบอลเจ้าปัญหา
นักวิทยาศาสตร์ยืนยันผลการทดสอบ “จาบูลานี” (Jabulani) ลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการของศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้ มีปัญหาอย่างเห็นชัด เพียงเพราะสาเหตุเย็บจากด้านในจึงทำให้กลมเป็นพิเศษส่งผลกระทบต่อหลัก พลศาสตร์จนบ่นอุบกันทั้งผู้รักษาประตูและกองหน้า
ศึกฟุตบอลโลกครั้งแรกบนแผ่นดินกาฬทวีปเดินทางมาถึงรอ บ 8 ทีมสุดท้าย แม้ว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ จะพอใจเกี่ยวกับฝ่ายจัดการแข่งขันของเจ้าภาพ แอฟริกาใต้ แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือผู้ตัดสินที่ยิ่งดูเหมือ นว่าดำเนินไปถึงรอบลึก เท่าไหร่มาตรฐานจะยิ่งลดต่ำลง รวมถึงลูกฟุตบอล “จาบูลานี” ที่สร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตูและกองหน้า ทำให้บรรดานักเตะวิทยาศาสตร์ต้องลองทำการทดสอบและพบว่าเกิดจากความกลมของลูก ฟุตบอลที่มากเกินไป


เอริก เบอร์ตัน ตัวแทนผู้อำนวยการของสถาบันวิทยาศาสตร์ที่เคลื่อนไหว อยู่ใน มาร์กเซย์ เผยว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะว่า จาบูลานี เย็บจากด้านใน ดังนั้นยึงทำให้มีรูปทรงกลมโดยสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้ช่วงที่สัมผัสกับเท้าจะน้อยลง มันจึงไม่หมุน แถมบอลเดินทางน้อย การลอยในอากาศไม่แน่นอนจึงสร้างปัญหาให้กับกองหน้าแล ะผู้รักษาประตู”


“จาบูลานี” ได้รับการพัฒนาขึ้นที่มหาวิทยาลัย เลาจ์โบโร ประเทศอังกฤษ ใช้หลักแอโรไดนามิค ด้วยการเย็บให้กลมที่สุดเท่าที่ “อาดิดาส” (Adidas) เคยผลิตมาด้วยหลัก “กริป แอนด์ กรูฟ” (Grip’n'Groove) การทดสอบในอุโมงค์ลมที่ ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และ แคลิฟอร์เนีย พบว่าหากลูกบอลมีการผิดรูปจะเดินทางช้าและหักเหน้อยลง


ส่วน ฟีฟา ช่วงนี้งานกำลังเข้า เพราะมีปัญหาเกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย 2 คู่ เมื่อ อังกฤษ ไม่ได้ประตูจากจังหวะยิงของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ส่งลูกข้ามเส้นไปแล้วก่อนจะกระดอนออกมาสุดท้ายจึง แพ้ เยอรมนี 1-4 ส่วน เม็กซิโก ก็ถูก อาร์เจนตินา ยิงประตูเบิกร่องของ คาร์ลอส เตเบซ ดูแล้วเกิดจากจังหวะล้ำหน้าชัดเจน

เซปป์ แบล็ตเตอร์ ประธาน ฟีฟา เตรียมนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ รวมถึงปัญหาที่เกิดจาก จาบูลานี เฌโรม วาล์คเค เลขาธิการของสหพันธ์ฯเผยว่า “เราทุกคนไม่ได้หูหนวกหรือว่าตาบอดจากการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นรวมถึงลูกบอลในฟุตบอลโลกครั้ งนี้”








99 เรื่องเฮอา แบบมีสาระ

01. the best friend กลายเป็น the worst enemy ได้ในชั่วข้ามคืน



02. ผู้ใหญ่ก็คือเด็กที่อายุมากแล้วนั่นแหละ เพราะผู้ใหญ่หลายๆ คนก็คิดและทำเรื่องงี่เง่า เหมือนที่เด็กชอบทำบ่อยจะตายไป


03. ผมไม่ดูหนังเรื่อง สุริโยไท ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักชาติสักหน่อย


04. ราคากระเป๋าสตางค์ของ louise vuitton 1 ใบมากกว่าเงินเดือนของครูบางคนด้วยซ้ำ


05. ถ้าคุณไปกินต้มยำกุ้งในร้านอาหารไทยในยุโรป คุณต้องบอกด้วยว่า


"ผมเป็นคนไทย" ไม่งั้นคุณจะได้แกงจืดใส่กุ้ง 2 ตัว


06. ภาษาไทยได้รับเกียรติเป็น 1 ใน 4 ภาษา ที่ห้างวัตสันสาขาฮ่องกงเขียนตัวเบ้อเริ่มหน้าร้านว่า "ลดราคา" ช่วงปลายปี


07. ภาพตัวเองในบัตรประชาชนมักดูทุเรศกว่าตัวจริงเสมอ


08. นับวัน… มือถือถูกพัฒนาให้ห่างไกลความเป็นมือถือเรื่อยๆ


09. เงิน 550 บาทที่กินในร้านโออิชิ สามารถไปนั่งละเลียดกินอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นได้อิ่มแทบอ้วก และอร่อยกว่าหลายเท่า


10. ถ้าคุณตักสลัดในร้านพิซซ่าได้เยอะและสวย คุณจะเป็น "hero"


แต่ถ้าคุณกินไม่หมด คุณจะกลายเป็น " ....






11. ถ้าคุณได้ที่จอดรถ ในห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ อาจเป็นเพราะชาติก่อนคุณทำบุญมาดี


12. การปรุงก๋วยเตี๋ยวก็ทำให้รสชาติแย่ลงได้


13. พิซซ่าหน้าเขียวหวานไก่ 1 ถาด สามารถซื้อข้าวราดแกงเขียวหวานไก่ได้ 10 จาน


14. เลสเบี้ยนก็คือ เกย์ ประเภทหนึ่งนี่เอง


15. หนังดีไม่จำเป็นต้องดัง หนังดังไม่จำเป็นต้องดี


16. แค่หมาเห่าดังๆทีนึง สัญญาณ PCT อาจจะหลุดได้


17. เพลงที่คุณได้ฟังครั้งแรก แล้วบอกว่า "ไม่เพราะเลย" อาจจะกลายเป็น เพลงที่คุณชอบมากที่สุดในรอบปีหลังจากที่หลายๆคลื่นโหมกระหน่ำเปิดวันละ 275 รอบ


18. แมวตัวใหญ่กว่าหมาก็มีให้เห็นเยอะแยะ


19. ร้านชายสี่บะหมี่เกี๊ยวใส่ผงชูรสเยอะมาก


20. ผู้หญิงก็มีหนวดได้นะคะ






21. ผู้ชายมีหนวด ไม่จำเป็นต้องมีขนหน้าแข้งเสมอไป


22. ขนมที่ package สวยๆที่ขายตามห้าง ราคาแพงกว่าต้นทุน 5 -10 เท่าก็มี


23. คนไทยส่วนใหญ่ชอบซื้อเสื้อของ chaps หรือ jaspal หรืออะไรก็ช่าง ตอนที่เค้า clearance sale ช่วงที่เปลี่ยน season


24. ถ้าเพื่อนมาใช้คอมที่บ้าน หัดเช็ดคีย์บอร์ดให้สะอาดก่อน ไม่งั้นเพื่อนอาจจะไม่กล้าใช้


25. ร้านที่มีเชลล์ชวนชิมอาจจะอร่อยสู้ร้านที่ไม่มีก็ได้


26. ภูมิใจไว้ซะ…ไม่มีแมคโดนัลด์ประเทศไหนในโลกนี้ที่ขาย เบอร์เกอร์กะเพราหมู นอกจากประเทศไทย


27. แล้วแมคโดนัลด์เมืองไทย มีทั้งซอสมะเขือเทศ และซอสพริกให้คุณกินได้ไม่อั้น แต่ที่ USA ไม่มีให้กิน


28. แล้วเมืองไทยก็เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มี แมคฟิช ขาย


29. กินไดโดมอน ไม่ต้องให้ tip หรอก …มันมี service charge รวมไปแล้ว


30. โดเรมอน อิ๊กคิวซัง tom&jerry จัดเป็นการ์ตูนอมตะของคนไทย






31. ของขวัญอันประเสริฐที่พระเจ้าประทานให้แก่นักศึกษาทั้งหลาย คือ เครื่องถ่ายเอกสาร


32. ถึงจะเป็นอาจารย์ของจุฬา ก็เฉลยข้อสอบ entrance วิชาสังคมผิดเกือบ 20 ข้อ…


33. เว็บ dek-d.com ใช้ notepad เขียนทั้งหมด


34. เวลานางเอกกำลังวิ่งหนีฆาตกรที่กำลังตามฆ่า จะต้องหกล้ม 1


ครั้งแล้วคลานไปอีก 2 เมตร ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง


35. สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับ mv. เพลงอกหัก คือ ฝน


36. เม็ดไข่มุก ที่ใส่ในชานม ถ้ายังไม่ได้ต้ม ก็เหมือน อาหารปลาดุก


ที่ขายตามจตุจักรไม่มีผิด


37. ถ้ากินไม่เก่งจริง อย่าไปกิน buffet ที่ไหนเลย …ไม่คุ้มหรอก


38. คนส่วนใหญ่ เมื่อกินโออิชิเสร็จ มักจะทรมาณมากกว่ามีความสุขเพราะอิ่มเกินไป


39. คนเราพยายามแปลบททำนาย ของนอสตราดามุส ให้ใกล้เคียงกับคำว่า "โลกแตก"


มากที่สุด


40. ในวันเกิด …คุณสามารถกินไอติม swensen's ได้ฟรีมากกว่า 10 ลูก ถ้าคุณมีปัญญาเดินสายไปในแต่ละสาขาในวันนั้น






41. เป็นโสดเป็นเรื่องปรกติ แม้แต่ จูเลีย โรเบิร์ต ยังเป็นโสดเลย


42. หมาส่วนใหญ่น่ารักก็ตอนที่มันยังเป็น "ลูกหมา" เท่านั้นแหละ


43. ดูหน้าตาของคนขับ taxi ให้ดีก่อนที่จะโบก


44. เวลารอลิฟท์ อย่ากดซ้ำๆ …มันไม่ได้เร่งให้มาลิฟท์มาเร็วซักหน่อย


45. แล้วพอเข้าไปแล้ว กดแค่ชั้นที่ตัวเองจะลงก็พอ


ถ้าไม่อยากโดนด่าแม่ลับหลัง


46. อยู่ในลิฟท์ก็พูดได้ …ไม่มีกฏห้ามจ้ะ


47. ถ้าเดินอยู่ มาบุญครอง แล้วปวดห้องน้ำไม่มาก …กลั้นไว้ …แล้วเดินไป siam discovery แล้วค่อยเข้าจะดีกว่า


48. ผู้หญิงจีบผู้ชาย …เรื่องปรกติ


49. ฝรั่งบางคนข้ามน้ำข้ามทะเลมา พันธุ์ทิพย์ เพื่อซื้อ software


ที่ถูกที่สุดในโลก


50. นาฬิกาสวิสบางยี่ห้อ ซื้อที่ฮ่องกงยังถูกกว่าที่สวิส






51. ฮาวาย = เกาะพีพี + สาวบิกินี่


52. ดื่มลิโพเกินวันละ 2 ขวดก็ไม่ตาย …


53. ช่วงปี 43-44 ที่ผ่านมา ธุรกิจมือถือเมืองไทยขยายตัวแค่ 190% เอง


54. เนื้อหาเลข ม.ปลาย ที่ดูแล้วเป็น "รูปธรรม" มากที่สุดคือ สถิติ และ


เลขดัชนี


55. เด็กไทยบางคน เก่ง grammar มากกว่าเจ้าของภาษาซะอีก


56. ลายเซ็นต์ของ อ.อุ๊ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ติด


57. ตำรวจทุกคนในประเทศไทยไม่มีจรรยาบรรณ เพราะ"จรรยาบรรณ" ใช้ได้กับอาชีพ ครู กะ หมอ เท่านั้น


58. เจอาร์ กับ วอย ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน


59. ถ้าอยากตาย …เครื่องบินตกตายดีที่สุด ได้เงินเยอะ ไม่ทรมาณ …


60. ถึงเยาวราชจะขายของกินถึง ตี 2 ตี 3 แต่ถ้าจะกินก๋วยจั๊บ …ไปก่อน 4 ทุ่ม






61. กะเทยทำได้ทุกอย่าง ยกเว้น ตั้งท้อง


62. เกลียดขี้หน้าอาจารย์ - ครูคนไหน …ไหว้เขา แต่อย่าเคารพเขาถ้าเขาไม่ดีจริงๆ


63. เมืองไทยแทบไม่มีนักร้องผิวดำเลย


64. เกมบางเกมไม่จำเป็นต้องซื้อบทสรุป หัดมั่วเองบ้าง


65. ไม่จำเป็นต้องซื้อมือถือหรูๆ ตอนนี้ …เดี๋ยวมือถือ 3G ก็ออกมาเกลื่อนแล้ว


66. คนขนดกก็หัวล้านได้


67. นับวันนางสาวไทยจะพูดไม่ชัดขึ้นเรื่อยๆ


68. ส่วนใหญ่นางสาวไทยจะเป็นสาว imported กันทั้งนั้น


69. เน็ตเมืองไทยถูกกว่าที่นิวซีแลนด์หลายเท่านัก


70. ยอมรับเถอะ …ทุกวันนี้คุณก็ยังอ่านไทยรัฐ ถึงแม้ว่าคุณจะด่ามันทุกวัน






71. เช่นเดียวกับรายการตีสิบ …


72. ผู้หญิงขับรถบรรทุก …ไม่แปลก


73. แผ่นโปรแกรมรวมของ macromedia 150 บาทที่ขายที่พันธุ์ทิพย์


ราคาลิขสิทธิ์ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ซื้อ PC ดีๆได้เครื่องนึง


74. ถ้าทำรายงานเป็นกลุ่มสัก 10 คน …มีคนที่ทำจริงๆแค่ 3 คน


75. คำว่า mouse ใช้ภาษาไทยว่า "แท่งชี้เต้า"


76. คนเรามักง่วงตอนตื่น แต่ตอนจะนอนมักไม่ง่วง


77. พอถูกหักหลังแล้ว การถูกหักอก ไม่ได้ทำให้มันหักล้างกันได้


78. ดีใจซะเถอะ …เมืองไทยดู dragonball จบก่อนที่ USA ตั้งนาน


79. ทำไมคนเราถึงอยากให้โดเรมอนมีตอนจบ …ไม่เข้าใจ


80. ใครๆที่เล่นเน็ต ก็ต้องเคยเปิดเว็บโป๊กันทั้งนั้น






81. ถ้าใช้ talking - dict ก็อย่าหวังว่าจะจำศัพท์คำนั้นได้เลย


82. สุทธิชัย หยุ่น ก็เคยมีผมเหมือนกัน


83. พายไข่ กับ ชานมไข่มุก มีให้กินที่ไต้หวันมาเป็น 10 ปีแล้ว


84. อย่าไปกลัวเรื่อง virus computer มากนัก …ถ้าไม่สำส่อนทางเมล์ และ diskette


85. คณิตศาสตร์ไม่มีตัวตน มันเป็นศาสตร์ที่คนสมมติขึ้นมาเพื่ออธิบายความเป็นไปของโลกเท่านั้น … แต่แค่นี้ก็ทำให้นักเรียนเกลียดมันได้


86. ถ้าใช้โปรแกรมอะไรไม่เป็น …โทษ programmer ไว้ก่อน


87. สสารทุกชนิดละลายได้ เมื่ออยู่ในตัวทำละลายและอุณหภูมิที่เหมาะสม


88. ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ไม่จำเป็นต้อง sexy


89. แล้วปอดใหญ่ไม่ได้ทำให้หน้าอกใหญ่ด้วย


90. ไป พันธุ์ทิพย์ …จอดรถที่สยามดิส แล้วค่อยนั่งรถเมล์ไป ดูจะมีความหวังกว่า การขึ้นไปวนหาที่จอดรถในนั้น ถ้าเราไม่ได้ยกอะไรไปซ่อม


91. โรงหนังบางโรง แถว A คือแถวหลังสุด แต่บางโรงมันก็เป็นแถวหน้าสุด


92. คอมที่เค้าใช้ขายตั๋วหนังน่ะ ใช้ window 3.11 หรือ window 95 กันทั้งนั้นแหละ


93. หนังสือบางเล่มก็สามารถตัดสินจากหน้าปกได้เหมือนกัน


94. เราเรียกหมาที่บ้านว่า "ลูก" แต่เรียกเพื่อนสนิทว่า "มัน"


95. บางทีเราก็ประมูลของจนราคามันสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว


96. ในเน็ตเค้าประมูลเบอร์มือถือ VIP (เช่น 718-9999) กันเป็นแสน แต่ที่ mbk เค้าขายกันไม่ถึงหมื่น


97. เรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็ไม่ตาย


98. 4 ชาติที่ได้รับเกียรติขึ้นชื่อบนป้ายโรงหนังควบบ่อยที่สุด คือ ไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง


99. ทอดด์ ทองดี พูดไทยชัดกว่า อั๊ด อัษฎา


อีกแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับคอมเลย : ประวัติความเป็นมาของนาฬิกา กับความยากลำบากของช่าง

ในสมัยโบราณมนุษย์ยังไม่มีนาฬิกาใช้ การดำเนินชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ดวงอาทิตย์จึงเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่มนุษย์รู้จัก นักประวัติศาสตร์ชื่อ Herodotus ได้บันทึกไว้ว่า ประมาณ 3,500 ปีก่อน มนุษย์รู้จักใช้ นาฬิกาแดด ซึ่งนับว่าเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลก โดยสามารถอ่านเวลาได้จากเงาที่ตกทอดลงบนขีดเครื่องหม าย


นาฬิกาแดด(Sundial)เป็นเครื่องบอกเวลาและเครื่องมือว ัดเวลา


วิธีธรรมชาติแบบหนึ่ง ทีมีใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน


โดยอาศัยการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ที่ปรากฎในแต่ละว ันเป็นหลัก


สมัยโบราณก่อนที่จะเริ่มมีนาฬิกาจักรกลหรือนาฬิกาอิเ ล็กทรอนิกส์ ไว้ใช้บอกเวลาเช่นในปัจจุบันมนุษย์ใช้ประโยชน์จากปรา กฎการณ์ธรรมชาติ ในการสังเกตการเปลี่ยนแปลงต่างๆจากธรรมชาติเพื่อการก ำหนดเวลา


โดยเฉพาะใช้ดวงอาทิตย์เป็นเครื่องชี้บอกเวลาธรรมชาติ ที่สำคัญที่สุด


เช่นเวลาเช้าดวงอาทิตย์ขึ้น เวลาเที่ยงดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะ เวลาเย็นค่ำดวงอาทิตย์ตกลับจากขอบฟ้าส่วนเวลากลางวัน


ในช่วงเวลาอื่นก็อาศัยสังเกตดูจากการทอดเงา


ของวัตถุใดวัตถุหนึ่งที่กำหนดให้เป็นเครื่องบอกเวลาข องคนในท้องถิ่นนั้น


ซึ่งอาจไม่มีความเที่ยงตรง แต่ก็ยอมรับได้สมัยนั้นมาใช้กำหนดเวลาด้วยหลักการตาม ที่กล่าวมา มนุษย์ในระยะแรกจึงได้ประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาแดด (Sundisl)ให้มี


รูปทรงที่เหมาะสมขึ้นมาใช้งานเป็นเครื่องบอกเวลาอย่า งง่าย






นาฬิกาแดดคิดค้นขึ้นครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฎ แต่จากหลักฐานพบว่านาฬิกาแดดพัฒนาขึ้น ในสมัยอียิปต์โบราณหรือราว 2000ปีมาแล้ว นาฬิกาแดดนั้นแสดงเวลาที่อาจคลาดเคลื่อนไป


จากเวลานาฬิกาข้อมือของผู้สังเกต แต่ถ้าได้เข้าใจหลักการของนาฬิกาแดดแล้วนำค่าเวลามาแ ก้ไข เวลาที่ได้จะมีความถูกต้องพอสมควร ที่เป็นเช่นนี้เพราะนาฬิกาแดดนั้น แสดงเวลาธรรมชาติที่ควรจะเป็น ซึ่งต่างจากเวลาของนาฬิกาข้อมือหรือนาฬิกาทั่วไปที่ใ ช้อยู่ปัจจุบัน


บอกวัดเวลาหรือแสดงเวลาที่ต้องการให้เป็น หมาายความว่าเวลาที่


แสดงจากนาฬิกาแดดนั้นเป็นเวลาที่เราเรียกว่าเวลาดวงอ าทิตย์ ณ ตำบลที่นั้นอยู่เป็นประจำ ไม่ใช่เวลาท้องถิ่นสมมุติ หรือเวลาที่เราต้องการให้เป็น


ต่อมาชาวกรีกโบราณรู้จักพัฒนา นาฬิกาน้ำ ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่านาฬิกาแ ดด เรียกว่า clepsydra ( คำนี้เป็นคำสนธิที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า clep ซึ่งแปลว่า ขโมย และคำ sydra ที่แปลว่า น้ำ )


เพราะนาฬิกานี้ทำงานโดยอาศัยหลักที่ว่า " ภาชนะดินเผาที่มีน้ำบรรจุเต็มเวลาถูกเจาะที่ก้นน้ำจะ ไหลออกจากภาชนะ


ทีละน้อยๆ เหมือนการขโมยน้ำ " ดังนั้นชาวกรีกโบราณจึงได้กำหนดระยะเวลาที่น้ำไหลออก จนหมดภาชนะว่า


1 clepsydra ( สุทัศน์ ยกส้าน. 2544: 159 ) แต่นาฬิกาน้ำนี้ต้องมีการเติมน้ำใหม่ทุกครั้งที่หมดเ วลา 1 clepsydra และในฤดูหนาวน้ำจะแข็งตัวทำให้ไม่สามารถใช้นาฬิกาได้


ในปี ค.ศ.1929 Warren Morrison ได้ประดิษฐ์ นาฬิกาควอตซ์ ขึ้นเฉพาะที่เป็น นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาประเภทนี้เที่ยงตรงมาก และในปี ค.ศ.1980 เป็นช่วงเวลาที่เริ่มนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาใช ้ มีการประดิษฐ์ นาฬิกาโดยใช้ชิป ( chip ) เป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมในกลไกของนาฬิกา ซึ่งนอกจากจะบอกเวลาแล้วยังสามารถเก็บข้อมูลที่จำเป็ น และสามารถใช้เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย หลังจากนั้นเทคโนโลยีในด้านการประดิษฐ์นาฬิกาได้ก้าว หน้าเรื่อยมา จนกระทั่งทุกวันนี้เรามี นาฬิกาคอมพิวเตอร์ ใช้กันแล้ว


สำหรับประเทศไทย คนไทยประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาใช้เองเมื่อร้อยปีมาแล้ว คือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงมีวลีที่กำชับรับสั่งกับข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิ ด มีความว่า " สยามจะอยู่รอด รักษาความเป็นไทไม่เป็นขี้ข้าฝรั่ง จะต้องทำให้คนไทยเชื่อมั่น และต่างชาติเชื่อว่าคนไทยนี้เก่ง " จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้ากรมอุทกศาสตร์ท่านแรกของสยาม ชื่อ Captain Loftus จัดทำ นาฬิกาแดด ไว้ให้เป็นเครื่องกำหนดหมายบอกเวลา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้ที่ลานหน้าพระอุโบสถวัดนิเวศน์ธรรมปร ะวัติ บางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนทุกวันนี้


แหล่งอ้างอิง: http://www.nonburee.com/page12.htm